เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ชุลมุนในท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล หลังจากครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันครอบครัวหนึ่ง พยายามที่จะนำกระเป๋าเสื้อผ้าซึ่งมีลูกกระสุนปืนใหญ่สมัยเก่าบรรจุไว้ข้างใน ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อนำขึ้นเครื่องบินไปด้วย

ตามข้อมูลของหน่วยงานท่าอากาศยานอิสราเอล กลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวได้เข้ามาถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินว่า พวกเขาสามารถนำกระสุนปืนใหญ่ยุคเก่าซึ่งบรรจุอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า ขึ้นเครื่องบินได้ด้วยได้หรือไม่ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนก จนเจ้าหน้าที่ต้องพยายามอพยพผู้โดยสารออกจากพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารขาออก

ต่อมาในวันที่ 29 เม.ย. ก็มีการเผยแพร่คลิปบนทวิตเตอร์ ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดความชุลมุนดังกล่าวไว้ โดยแสดงให้เห็นภาพของผู้โดยสารจำนวนมาก ที่พยายามหนีออกจากพื้นที่ และบางคนก็พยายามหาที่กำบังที่ใกล้ตัวที่สุด

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 ราย เนื่องจากพยายามปีนขึ้นไปบนสายพานส่งกระเป๋าเดินทางและตกลงมา ซึ่งต่อมาผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับการนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว

ครอบครัวนักท่องเที่ยวที่เป็นต้นเหตุพบลูกกระสุนดังกล่าวในระหว่างไปเที่ยวแถวที่ราบสูงโกลัน ซึ่งเป็นดินแดนที่อิสราเอลยึดได้จากซีเรียในช่วงสงครามปี 2510 และผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเมื่อปี 2524 ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและมติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยพื้นที่ดังกล่าว ยังคงมีกับระเบิดฝังอยู่ตามจุดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก

หน่วยงานท่าอากาศยานอิสราเอลชี้แจงว่า ครอบครัวนักท่องเที่ยวที่เก็บกระสุนปืนใหญ่มานั้น ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินหลังจากผ่านการสอบปากคำ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้นำอาวุธโบราณชิ้นนั้นกลับประเทศไปด้วย

แหล่งข่าว : huffpost.com

เครดิตภาพ : Israeli Airports Authority