สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงตูนิส ประเทศตูนิเซีย เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ว่าสืบเนื่องจากการที่ประธานาธิบดีคาอิส ไซเอด ปลดนายฮิเชม เมชีชี ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตูนิเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และสั่งระงับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อย 30 วัน พร้อมทั้งเพิกถอนสิทธิคุ้มกันทางการเมืองของสมาชิกทุกคน โดยใช้อำนาจพิเศษตามที่ระบุอยู่ในมาตรา 80 ของรัฐธรรมนูญ ว่า "ในภาวะฉุกเฉินหรือเร่งด่วน" ประธานาธิบดีสามารถเป็นผู้ใช้อำนาจบริหารร่วมกัน หรือแทนนายกรัฐมนตรีได้ "จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ"
ประธานาธิบดีคาอิส ไซเอด
ไซเอดกล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ยืนยันความจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อปกป้องบ้านเมืองจากการคอร์รัปชั่น และความขัดแย้งทางสังคม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในตูนิเซีย ลุกลามขยายวงกว้างมากขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤติ และ "ธรรมาภิบาลที่ผิดพลาด" ส่งผลให้การเมืองขาดเสถียรภาพ และเศรษฐกิจกลับมามีปัญหาตลอดทั้งโครงสร้าง ส่งผลต่อการจ้างงาน และการชำระหนี้
ขณะที่พรรคเอ็นนาห์ดา ซึ่งเป็นพรรคมุสลิมสายกลางขนาดใหญ่ที่สุดของตูนิเซีย ประณามไซเอด "รัฐประหารรัฐสภา" และเรียกร้องให้ชาวตูนิเซียร่วมกันประท้วงต่อต้าน "ความเป็นเผด็จการ" ของประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม ความพยายามเคลื่อนไหวบนท้องถนนของฝ่ายค้าน "ยังจุดไม่ติดมากนัก" ด้วยการที่กองทัพซึ่งสนับสนุนไซเอด "สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด" 
อย่างไรก็ตาม สำนักงานอัยการสูงสุดกำลังสอบสวนเส้นทางการเงินของพรรคเอ็นนาห์ดา หลังตรวจพบในเบื้องต้น ว่ามีเงินบริจาค "ไม่ทราบที่มาชัดเจน" และการพัวพันกับกองทุนของต่างชาติ เพื่อใช้เป็นทุนสำหรับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่พนักงานสอบสวนยืนยันว่า เริ่มตรวจสอบก่อนที่ประธานาธิบดีประกาศปลดนายกรัฐมนตรี
ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องไซเอดเคารพสิทธิและเสรีภาพสื่อ หลังมีรายงานการตรวจค้นสำนักงานของผู้สื่อข่าวเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส และ "การเปลี่ยนตัว" ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ส่วนฝรั่งเศสซึ่งเคยปกครองตูนิเซียเรียกร้องไซเอดแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยเร็วที่สุด.

เครดิตภาพ : REUTERS