วันที่ 29 ก.ค. ทาง พ.ต.อ.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม เปิดเผยความคืบหน้าคดีมิจฉาชีพสวมรอยยกเลิกพัสดุเป็นพระเครื่องนับร้อยองค์ มูลค่ากว่า 9 แสนบาท ก่อนเชิดหนีไปว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังตำรวจรับแจ้งเหตุก็ได้เรียกสอบปากคำผู้เสียหาย พนักงานบริษัทนำส่งพัสดุ รวมถึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบชายคนหนึ่งขับรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง เข้ามายกเลิกพัสดุแล้วนำของไป ซึ่งตำรวจได้ตามตัวมาสอบปากคำแล้ว ทราบว่าศูนย์แท็กซี่เป็นผู้สั่งให้โชเฟอร์รายนี้เข้าไปรับพัสดุแทนและให้นำไปส่งที่ จ.กาญจนบุรี

บทเรียนราคาแพง! โวยขนส่งหลงเชื่อง่ายๆ โดนโจรสวมรอยเป็นลูกค้ายกเลิกส่งของ ถูกเชิดพระเฉียดล้าน


โดยตอนนี้ตำรวจกำลังเกาะรอยหาตัวคนร้ายที่สั่งการอยู่ ในวันนี้ได้นัดบริษัทจัดส่งพัสดุมาเจรจาเรื่องค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย เนื่องจากกรณีนี้พนักงานของบริษัททำผิดระเบียบ เพราะไม่ได้ตรวจสอบบัตรประชาชนของผู้ที่มายกเลิกพัสดุ ขณะที่ผู้เสียหายได้ทำตามระเบียบขั้นตอนการจัดส่งพัสดุทุกอย่าง คดีนี้ถือเป็นเคสแรกที่พบว่ามีมิจฉาชีพแอบนำสลิปการส่งพัสดุที่ผู้เสียหายโพสต์เพื่อแสดงเป็นหลักฐานการซื้อขายไปใช้ในการก่ออาชญากรรม

ด้าน น.ส.ยุพาพร ส้มเตี้ย เจ้าของเพจอัมพวา พระเครื่อง ผู้เสียหาย เปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุได้ไลฟ์สดปล่อยเช่าพระเครื่องตามปกติ แล้วมีลูกค้าใหม่เข้ามาเช่าพระในราคา 450 บาท จนถึงตอนส่งสินค้า ลูกค้ารายนี้ได้ตามทวงสลิปการส่งหลายต่อหลายครั้ง ตัวเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการซื้อขายของออนไลน์ เรากลัวลูกค้า ลูกค้าก็อาจกลัวเราเหมือนกัน จึงส่งสลิปที่ครอปเฉพาะของลูกค้ารายนี้ไปให้ แต่ลูกค้าก็ถามกลับมาว่ามองไม่เห็น ขอภาพใหญ่ๆ ได้ไหม ตัวเองเข้าใจว่าลูกค้าอาจเป็นผู้สูงอายุ จึงส่งภาพเต็มไปให้ ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร หากเป็นคนในวงการพระเครื่องก็ต้องรู้ตัวแล้ว

อย่างไรก็ตามจากเหตุที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นความหละหลวมของพนักงาน เพราะตัวเองใช้บัตรประชาชนและเบอร์โทรศัพท์ และแจ้งสิ่งของภายในตามขั้นตอนทุกอย่าง รวมทั้งผู้จัดการสาขาเองก็แทบจะไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลย หากวันเกิดเหตุไม่ไลฟ์สดที่สาขานั้น ทั้งนี้ปกติก็ไม่ได้ใช้บริการกับบริษัทขนส่งแห่งนี้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากช่วงนี้ไปรษณีย์ปิดจากการระบาดของโควิด-19 จึงต้องหันมาใช้บริการดังกล่าว