เมื่อวันที่ 14 พ.ค. น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงกรณีที่กรุงเทพฯ ประกาศยกเลิกจุดผ่อนผันให้ทำการค้าหาบเร่แผงลอย ในพื้นที่ 13 สำนักงานเขต รวม 125 จุด ว่าสภาพแวดล้อมได้มีการเปลี่ยนแปลง การค้าขายของผู้ค้าไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย กีดขวางการสัญจรของประชาชน ซึ่งคำสั่งดังกล่าวที่เพิ่งประกาศผ่านราชกิจจานุเบกษา มีผลกระทบถึงพ่อค้าแม่ขายพี่น้องประชาชนคนตัวเล็กที่หาเช้ากินค่ำเป็นจำนวนมาก เป็นการบังคับใช้กฎหมาย กฎเกณฑ์ ที่ไม่เข้าใจ การทำมาหากินของคนตัวเล็ก ไม่เข้าใจวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ดังนั้นหากตนได้รับโอกาสให้ เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะขอคิดต่างเพื่อคนกรุงเทพฯ จะพิจารณาถึงความเหมาะสม ให้เกิดความสมดุลระหว่างการทำมาค้าขาย กับการใช้ชีวิตของประชาชน และจะพิจารณาคืนจุดผ่อนผันให้พี่น้องสามารถกลับมาค้าขายได้ทันที จากนั้นจะประสานกับภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพูดคุยกับทุกฝ่าย หารือปรับจุดที่สามารถค้าขายได้อย่างเหมาะสมต่อไป

“ใครที่อยากค้าขายต้องได้ค้าขาย ต้องมีพื้นที่ค้าขายให้พ่อค้าแม่ค้าได้ค้าขายกันอย่างเต็มที่ตลอด 7 วัน รวมทั้งจัดพื้นที่ ส่งเสริมการค้าขายตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในจุดที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เช่น พื้นที่ถนนข้าวสาร บางจุดของถนนสุขุมวิท หรือห้วยขวาง เป็นต้น โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพื่อไม่ให้กระทบกับการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่นั้นๆ”

น.ต.ศิธา กล่าวด้วยว่าหากตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะขอคิดต่างเพื่อสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครแห่งความสร้างสรรค์ ใช้วัฒนธรรมสร้างเศรษฐกิจ นำรายได้สู่เมืองหลวง เช่น การยกระดับ Street Food กทม. ให้เป็น Street Food ต้นแบบของโลก ที่มีอาหารสะอาด รสชาติอร่อย เทศกิจเป็นมิตร และของดีประจำถิ่น 1 เขต 1 ถนนเศรษฐกิจ สร้างธุรกิจ ค้าขายได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดึงเม็ดเงินจากทั่วโลก เข้าสู่ประเทศ และกรุงเทพฯ ได้มหาศาล.