เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล หมายเลข 1 กล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าผู้ว่าฯ กทม. ไม่มีอำนาจทำอะไร อย่าหาเสียงเพ้อฝันเกินจริง ว่าประเด็นนี้ ตนคิดว่าเป็นความเข้าใจผิดและเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนากรุงเทพฯ แม้ตนจะเห็นว่าท้องถิ่นทั่วประเทศรวมถึง กทม. ยังขาดอำนาจ ทรัพยากร และความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ แต่มีหลายสิ่งอย่างที่ผู้ว่าและ ส.ก. สามารถทำได้ทันที ขอยกตัวอย่างความเข้าใจผิด 3 เรื่อง เกี่ยวกับนโยบายที่ตนเสนอ เพื่อทำให้เห็นว่าทุกเรื่องอยู่ในอำนาจหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. ทำได้ทั้งสิ้น

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ความเข้าใจผิดที่ 1 “การเพิ่มสวัสดิการเป็นอำนาจของรัฐบาลกลางอย่างเดียว ท้องถิ่นทำไม่ได้” กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ สามารถจัดทำสวัสดิการในรูปเงินอุดหนุนได้ ตามอำนาจของ พ.ร.บ. แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ. 2542 มาตรา 18 ส่วนปัญหาที่ว่าจะหาเงินมาจากไหน ในการเสนอนโยบายของเราก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าการจัดทำสวัสดิการที่เราเสนอใช้งบประมาณปีละ 8,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งเราจะนำงบประมาณมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดิน 100% ซึ่ง กทม. จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 18,000 ล้านบาท/ปี ใช้งบประมาณเพียงครึ่งหนึ่งของรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นส่วนนี้เท่านั้น

ความเข้าใจผิดที่ 2 “กทม. ไม่มีอำนาจขึ้นค่าขยะห้างใหญ่” เรื่องการเก็บค่าขยะสภา กทม.สามารถออกข้อบัญญัติได้ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 20 และมาตรา 63 เรื่องนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. ก็ยอมรับในดีเบตช่อง 3 แล้วว่าทำได้ ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ว่าฯ คนเก่าไม่ทำ และความเข้าใจผิดที่ 3 “ผู้ว่าฯ กทม. จะเอาที่ดินเอกชนมาใช้ประโยชน์ได้ยังอย่างไร” กลไกภาษีที่ดินเป็นเครื่องมือสำคัญของท้องถิ่นในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของเมือง สำหรับ กทม.ถึงแม้อัตราภาษีจะถูกกำหนดมาจาก พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 แต่มีประกาศกระทรวงการคลังให้ท้องถิ่น สามารถยกเว้นการเก็บภาษีที่ดินสำหรับที่เอามาใช้ประโยชน์สาธารณะได้ ส่วนอัตราภาษีก็มีประกาศกระทรวงการคลัง ที่ให้อำนาจท้องถิ่นจัดเก็บภาษีที่ดินมากกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นกัน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การเพิ่มหรือลดภาษี คือกลไกให้คุณให้โทษที่ กทม. สามารถทำได้เลย ตามข้อเสนอของตนให้ใช้ที่ดินเอกชนไปทำประโยชน์เพื่อประชาชน ในขณะเดียวกันเจ้าของที่ดินก็ได้รับการยกเว้นภาษี แทนที่จะต้องมาหาช่องเลี่ยงภาษีด้วยการซอยที่หรือปลูกกล้วยปลูกมะนาวกลางเมืองแบบนี้ ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าผู้ว่าฯ สามารถทำอะไรได้อีกมาก ตนมาในฐานะนักการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้ง แบกอุดมการณ์ของตัวเองและความหวังประชาชนเอาไว้ ดังนั้น ไม่แปลกที่เราจะต้องทำสิ่งที่เขาอนุญาตให้ทำควบคู่ไปกับการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่เป็นธรรมด้วย

ทุกวันนี้ไม่มีใครปฏิเสธว่า ผู้ว่าฯ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ มีอำนาจ งบประมาณ และความเป็นอิสระในการบริหารจัดการงานในท้องถิ่นน้อยเกินไป จนทำให้ไม่สามารถตอบสนองปัญหาพี่น้องประชาชนได้ดีพอ และนี่คือเหตุผลที่ผมและพรรคก้าวไกลผลักดันการปฏิรูปกฎหมายกระจายอำนาจ สุดท้ายแล้วผู้ว่าฯ กทม.คนเดียวคงทำไม่สำเร็จ ต้องอาศัยพันธมิตรเราทั้งใน ส.ส. ในสภา ทั้งในสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้งประชาชนนอกสภา เพื่อผลักดันสิ่งที่ควรจะเป็น สิ่งที่ดีกว่า ให้สำเร็จได้ นี่คือการทำงานเป็นทีมในทุกระดับ เห็นภาพชัดเจน มีเป้าหมายตรงกัน และตนขอยืนยันอีกครั้งว่าเหตุผลที่ตนตั้งใจลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ ในนามพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการแค่ เปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ แต่ตั้งใจเปลี่ยนเกมด้วย