เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายพจน์ คำดี อายุ 53 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังทราบว่าได้แขวนบ้องกัญชาไว้ที่ต้นไม้หน้าบ้านจำนวนมาก ก่อนได้พาเดินดูบ้องกัญชาที่แขวนไว้กับกิ่งของต้นตะขบ กว่า 10 บ้อง ทั้งหมดเป็นแค่บ้องกัญชาจำลองจากไม้ไผ่ ไม่สามารถใช้ในการสูบกัญชาได้จริง ที่ก้นเจาะรูแขวนเชือกร้อยเปลือกหอย และแผ่นซีดี
นายพจน์ กล่าวว่า ช่วงที่ตนเองเป็นวันรุ่น กลุ่มเพื่อนได้ชักชวนให้ลองสูบกัญชา ด้วยความคึกคะนอง จึงทดลองสูบ โดยใช้อุปกรณ์ที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ หลังจากสูดควันเข้าไปก็จะมีอาการมึนเมา และเซื่องซึม เมื่อสูบไปนานๆ จะทำให้สมองช้า ไม่สนใจการเรียน หากไม่ได้สูบก็จะมีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวง่าย
จากช่วงแรกที่จับกลุ่มกับเพื่อนสูบกัญชา ภายหลังก็ขยับไปเสพยาเสพติดชนิดอื่นๆ จนตัวเองเกือบเสียชีวิต หลังจากเลิกและรอดตายมาได้ จึงตั้งใจว่าเมื่อมีโอกาสจะคอยเตือนสติวัยรุ่น ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยหยิบยกเอาชีวิตของตัวเองเป็นตัวอย่าง รวมถึงการทำโมบายบ้องกัญชา แขวนไว้หน้าบ้าน เมื่อหากมีใครเข้ามาสอบถาม จะได้เป็นสื่อกลางในการพูดคุยเตือนใจวัยรุ่น ถึงพิษภัยของยาเสพติด และการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด
สำหรับเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขได้ถอดพืชกัญชา-กัญชงออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 เพื่อให้ประชาชนสามารถปลูกและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใช้เพื่อสุขภาพได้ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.65 ความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ตนเห็นด้วย เนื่องจากกัญชา ถือเป็นพืชที่มีประโยชน์อย่างมาก ในเรื่องของสุขภาพ และยารักษาโรค หากประชาชนนำไปใช้อย่างถูกต้อง
นายพจน์ กล่าวต่อไปอีกว่า แต่อย่างไรก็ตามในการบังคับใช้กฎหมาย อยากจะให้มีการกำหนดกลุ่มผู้มีสิทธิครอบครองและใช้งานที่ชัดเจน โดยเฉพาะในเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะเชื่อว่าหลังจากปลดล็อกกัญชาจะกลายเป็นพืชที่วัยรุ่นนำไปทดลองใช้ ทั้งในรูปแบบของบ้องกัญชาและมวนกับบุหรี่ กันอย่างเปิดเผยและแพร่หลายมากขึ้น อาจทำให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป จะเกิดง่วงเหงาหาวนอนไม่อยากเรียน ไม่อยากทำงาน ส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคต
นอกจากนั้นยังห่วงในกลุ่มของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ รถขนส่งสินค้า และผู้ขับขี่ยานพาหนะทั่วไป ที่หากสูบกัญชาก่อนและขณะขับขี่ จะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้ความคิดเชื่องช้าลง เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จนเป็นอันตรายต่อตัวเองและบุคคลรอบข้างได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก
