สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ว่าผลอย่างไม่เป็นทางการ ของการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศส ชุดใหม่ทั้ง 577 ที่นั่ง ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 และ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า พันธมิตรพรรคการเมืองสายกลาง-ขวา นำโดยพรรคอ็อง-มาร์ช ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ได้รับการเลือกตั้งรวมกัน 234 ที่นั่ง

แม้ยังถือว่า มากที่สุดในบรรดาทุกพรรคและกลุ่มการเมือง แต่ลดลงพอสมควร จากการเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และหลุดจากการครองเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จ คืออย่างน้อย 289 ที่นั่ง


อันดับ 2 คือ พันธมิตรพรรคฝ่ายซ้ายของนายฌอง-ลุค เมลองชง ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา 141 ที่นั่ง และตามด้วยพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (อาร์เอ็น) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชาตินิยมขวาจัด ของนางมารีน เลอ แปน ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา 90 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 8 ที่นั่ง จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2560 ยิ่งไปกว่านั้น หากแยกจำนวนที่นั่งเป็นรายพรรค จะถือว่าพรรคอาร์เอ็น มีจำนวนที่นั่งมากเป็นอันดับสองในสภา รองจากพรรคอ็อง-มาร์ช ของมาครง อีกทั้งยังเป็นการหักปากกาเซียน ที่ต่างทำนายว่า พรรคของเลอ แปน จะได้รับการเลือกตั้งระหว่าง 25-50 ที่นั่ง

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ใช้สิทธิลงคะแนน ที่หน่วยเลือกตั้ง ในเมืองเลอ ตูเกต์ ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส


ด้านเลอ แปน กล่าวถึงผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าพรรคอาร์เอ็น “บรรลุเป้าหมาย 3 ประการแล้ว” นั่นคือ การทำให้มาครงกลายเป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อย การไม่สามารถควบคุมอำนาจนิติบัญญัติได้ฝ่ายเดียวอีกต่อไป และการปรับสมดุลใหม่ที่จำเป็นทางการเมือง


ส่วนนางเอลิซาเบธ บอร์น นายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่า รัฐบาลมองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ “คือความท้าทาย” ในการ “สร้างเสถียรภาพ” ขณะที่สื่อท้องถิ่นหลายแห่งของฝรั่งเศส โดยเฉพาะสื่อฝ่ายซ้าย ต่างพาดหัวไปในทางเดียวกัน ว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ “แผ่นดินไหวทางการเมือง” และ “เป็นการตบหน้ามาครงฉาดใหญ่” หลังเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกในรอบ 2 ทศวรรษ ที่ดำรงตำแหน่งติดต่อกันสองสมัย ด้วยการชนะเลอ แปน ในการเลือกตั้งรอบชิงดำ เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา.

เครดิตภาพ : REUTERS