จับมือกันแน่นเพื่อก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ต้องสูญเสียผู้อันเป็นที่รักยิ่งที่สุดในหัวใจไปสำหรับ ไอซ์ ณพัชรินทร์ และ แบงค์ อธิกิตติ์ ที่ได้มาเยือนรายการ Club Friday Show พร้อมเปิดใจหลังที่ต้องสูญเสีย พ่อค่อม ทำให้ได้ตัวเองทั้งคู่เรียนรู้บทเรียนของชีวิตมากมายพร้อมเล่าความลับว่าตั้งใจวางแผนหลังจากที่ขอไอซ์แต่งงานแล้วว่าอยากจะมีลูกด้วยกันเลย ทำให้ลูกสาวตัวน้อยมาก่อนวันที่จะจัดงานแต่ง

แบงค์ เผยว่า “เรื่องเจอกันได้ยังไงจริงๆตอนนั้นเราก็คิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้แบบถึงเนื้อถึงตัวจังเพราะเขามาจับขาเรา เราก็คิดว่ายังไง พอมารู้ตอนหลังก็คือเขาเป็นคนที่มีเพื่อนผู้ชายเยอะ แล้วพอเราอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกว่าเราเจอเขาวันแรกเรารู้สึกว่าเราสบายใจมากเลย อย่างเราเจอผู้หญิงวันแรกคือเราต้องเกร็งๆนั่งเครียดๆ กินข้าวก็ต้องระมัดระวังกลัวเขาจะหาว่าเรามูมมามหรืออะไรอย่างนี้ แต่พอเราเจอเขามันไม่มีความรู้สึกตรงนั้นเลยครับ เพราะว่าเหมือนเราได้เจอเพื่อนมันสบายๆ ในส่วนของผมถ้าพูดตรงๆผมรู้สึกตกใจนิดนึง ถ้าเล่าย้อนกลับไปเราเคยมีความสัมพันธ์ มีแฟนมีอะไรมาก็ไม่เคยเจอผู้หญิงที่คาแรกเตอร์แบบนี้ เราก็รู้สึกว่าหรือว่าเราจะชอบแบบนี้ เพราะว่าตอนแรกๆผมรู้สึกตกใจแต่พอเวลาผ่านไป เรามานั่งคิดว่าเอ๊ะหรือสรุปเราจะชอบผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจไม่ได้ชอบผู้หญิงที่จะต้องมาคอยมุ้งมิ้งประดิษฐ์อะไรกันมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้เราคบกับใครเราต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ศึกษากันครับแล้วมันก็กว่าจะถึงจุดที่เรียกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจมันใช้เวลา แต่นี่มันกลับกันว่าเราอยู่กับเขาแค่แป๊บเดียวทำไมเราสบายใจเลย เพราะในช่วงที่เราหายไป 1 วันเราก็ไปนั่งคิดว่าสุดท้ายแล้วที่เราอยากคบกับใครเราต้องการแค่ความสบายใจ แต่มันก็ยังรู้สึกแปลกๆในใจนะครับ แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจโทรหาเขาครับ ก็เลยแบบโทรคุยต่อ ไลน์คุยต่อ”

“ส่วนเรื่องท้องเรื่องนี้มันเหมือนกับว่าเราเคยคุยกันว่าแบบว่าเธอหลังจากที่เราแต่งงาน เราอยากมีลูกเลยเพราะว่าตัวเราอายุ 29 ปีแล้ว ณ ตอนนั้นนะครับ แล้วก็มีความรู้สึกว่าผู้หญิงอย่างไรก็อยากมีลูกก่อนอายุ 30 ปี ในความเชื่อของคนสมัยก่อนนะครับที่อยากจะมีลูก แล้วด้วยความที่เขาเป็นคนมีลูกยากด้วยความที่เขาเพิ่งผ่าตัดที่ปีกมดลูกไป (เพราะว่าเขาเป็นซีสต์ที่ปีกมดลูกทั้งซ้ายและขวาเลย) เราก็เลยวางแผนกันคิดว่ามันจะยากเนี่ยเราก็ลองปล่อยไปเรื่อยๆจนถึงวันที่เราจะแต่งงานจริงๆดูไหม ถ้าเกิดมันถึงตอนนั้นมันก็ยังไม่ติดเราก็ค่อยมาหาวิธีการทำกัน แต่ด้วยความแข็งแรงของผมนั้น (หัวเราะ) แต่เราก็ใช้เวลาหลายเดือนอยู่ครับประมาณ 8 – 9 เดือนในที่สุดก็ท้องครับ แล้ววันแต่งงานเราก็มีน้องแล้ว”

“ถามว่าพ่อค่อมว่ายังไง(หัวเราะ) คือเหมือนเดิมเหตุการณ์วนกลับมาลูบเดิมครับ คือ ทุกคนในบ้านจะรู้หมดว่า ไอซ์ ท้องแล้วนะ คุณแม่รู้ น้องในบ้านรู้ ทุกคนรู้ มีคุณพ่อไม่รู้อยู่คนเดียวแล้วทุกคนก็ไม่มีใครกล้าไปบอก ไม่มีใครกล้าไปพูด ทุกคนเกี่ยงกัน ไอซ์ ก็เกี่ยงกับเรา ไอซ์ ก็ขอให้คุณแม่ไปบอกให้หน่อยได้ไหม (เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ใจของคุณพ่อเลยทำให้เรากลัวเพราะเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่) แล้วเพราะด้วยความที่ ไอซ์ เขาเป็นลูกสาวคนเดียวด้วย สุดท้ายก็เลยเป็นผมเอง เดี๋ยวผมไปบอกเอง ผมก็เดินไปบอกแบบตรงๆเลยแบบลูกผู้ชายคุยกันเลยว่า พ่อครับ … ไอซ์ ท้องแล้วนะครับ สรุปคำตอบที่ผมประทับใจมากจนถึงทุกวันนี้เลย พ่อเขาตบไหล่ผมแล้วพูดว่า เก่งมากไอ้หนู”

ไอซ์ เผยว่า “เรื่องเจอกันครั้งแรกคือมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ได้นะคะ เพราะว่าเราจะเป็นคนมือไม้ถึงนิสัยเราชอบเป็นคนแบบนั้น แล้วพอเราไปเจอเขาหรือเจอใครเราอยากที่จะให้เขาสบายใจ แล้วคือที่โต๊ะวันนั้นก็มีแต่เพื่อนเรา แล้วเราก็ไม่อยากให้บทสนทนาบนโต๊ะนั้นมีแค่แบบเธอฉัน เธอฉัน เราก็เลยสร้างความสนิทสนมให้กับเขา ก็จับโน้นนี่หน่อยให้เขาไม่รู้สึกว่าแบบไม่ต้องเกร็ง ให้เขารู้สึกว่าไม่ได้มาเจอสาวๆนะ ให้เขารู้สึกว่าเขามาเจอเพื่อนๆ แต่พอหลังจากทานข้าววันนั้น เขาก็หายไปเลยนะคะ ถ้าพูดชอบมันชอบอยู่แล้วค่ะ ตอนนั้น แต่ถ้าถามว่าเราจะต้องแบบอยากเจอเขาอีกไหม หนูยังไม่ถึงขนาดนั้นเราก็รอใน 1 วันนั้นเขาหายไปไหนหลังคบกันแล้วไอซ์เป็นคนค่อนข้างดุ ไม่งั้นจะเอาอยู่เหรอคะ (หัวเราะ) คือ มีอยู่ครั้งหนึ่งเรื่องที่มันเกิดขึ้นเหมือนเรากำลังคุยกับเขาที่มันซีเรียสเหมือนว่าเราต้องการที่จะรู้คำตอบเลย แล้วเขาไม่ตอบเราไม่สนใจเรา แล้วพอเราหันไปเห็นเขานั่งเล่นเกมส์อยู่แล้วเราก็หยิบ iPad มาเขวี้ยงใส่เขาเลยตอนนั้น ซึ่ง ณ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ตัวว่าเราเป็นอะไรอยู่เราก็ยังไม่รู้ตัวเอง ยังไม่แน่ใจเลย”

“แต่จังหวะที่เรา (ขอโทษนะคะ) ที่เราถีบเขาด้วย เราก็ร่วงไปข้างเตียงเหมือนกันเพราะตอนนั้นที่ถีบเขาคือ มันแรงมากแรงมาจากไหนไม่รู้เพราะกระเด็นไปทั้งคู่เลย แล้วพอคุณแม่เปิดประตูเข้ามาเราก็ตะโกนบอกว่า อย่ายุ่งๆ บอกอย่ายุ่งกับหนูแล้วเราก็อัด แบงค์ ต่อแล้ว แบงค์ เขาก็วิ่งไปห้องคุณพ่อเลยค่ะ เขาก็เคาะห้องคุณพ่อบอกพ่อช่วยผมด้วยๆ พอพ่อเปิดประตูออกมาเขาก็บอกว่าเข้ามาก่อนๆไอ้หนู (ซึ่งคืนนั้น แบงค์เขาก็นอนห้องคุณพ่อไปเลยค่ะ เพราะคุณพ่อบอกว่าให้นอนที่ห้องก่อนจะได้ปลอดภัย (หัวเราะ)ต้องบอกว่าช่วงนั้นไม่รู้ตัวเองจริงๆว่าเป็นอะไร ถ้าถามว่าย้อนกลับกลับเรายังจำไม่ได้เลยจริงๆค่ะ ซึ่งเราก็ไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยๆนะคะ สรุปเรื่องนี้จบแบบใช้เวลาค่ะ เพราะเราจะเป็นคนไม่ต้องง้อ เพราะว่าถ้าเราโกรธ เรางอน ไม่ต้องง้อเพราะยิ่งง้อเราจะยิ่งขึ้น แยกกันอยู่เลย คือเวลาที่เรารู้สึกว่าเราไม่โอเคแล้วเราก็จะบอกเขาว่าเธอๆไปก่อนๆแล้วเวลาผ่านไปเดี๋ยวเราก็จะดีขึ้น จะหายเอง แล้วก็จะทำให้เรากลับมาคุยกันเองก็ปกติเหมือนเดิม แต่พอกลับมาเราก็ขอโทษเขานะคะ”