กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนแรงในโลกออนไลน์ หลังจากงาน The match run 2022 วิ่งแดงเดือด ได้จัดขึ้นที่ อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานมีนักเตะอย่าง ‘ยอห์น อาร์เน รีเซ่’ และ ‘เท็ดดี้ เชอริงแฮม’ อดีตลิเวอร์พูล-แมนยูฯ ก็ได้มาร่วมวิ่งในงานดังกล่าวด้วย

ซึ่งภายในงานมีการจัดธีมของกลุ่มคนที่สวมเสื้อแมนยูฯ พร้อมกับคลุมปี๊บครอบหัววิ่งไปด้วย โดยเสื้อแมนยูฯ ที่นำมาใส่นั้นยังไม่มีการเปิดตัวและจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หลาย ๆ คนจึงคาดการณ์ว่าเป็นของปลอม ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และการนำปี๊บมาคลุมหัว ถือเป็นการล้อเลียนที่เหยียบย่ำหัวใจแฟนแมนยูฯ อย่างมาก


ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ศาลาผี ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นในฐานะแฟนบอล แมนยูไนเต็ด ถึงเหตุการณ์พฤติกรรมดังกล่าวและอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยมีความว่า เป็นความน่าอับอายของประเทศ


‘นี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าอับอายจากฝีมือคนไทย ที่คงจะกระฉ่อนไปทั่วทั้งโลกอีกรอบ จากงาน The Match Run [วิ่งแดงเดือด] ที่จัดขึ้นเมื่อเช้าที่ผ่านมา
ปกติผมไม่อยากจะเขียนอะไรที่เป็นการด่าบนเพจที่พยายามจะนำเสนอแต่เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน แต่ในฐานะแฟนแมนยูไนเต็ดคนนึง ผมไม่ยอมให้สโมสรที่ผมรัก กลายเป็นคอนเทนต์ตัวตลกที่ถูกเอามาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแบบนี้ง่าย ๆ แน่

ตามปกติงานวิ่งต่าง ๆ ก็จะสามารถใส่ชุดอะไรลงไปวิ่งก็ได้ แล้วแต่ว่าใส่แล้วจะวิ่งไหวหรือเปล่า ขอแค่ติดบิบตามกติกาก็ถือว่าโอเค
ดังนั้นการวิ่งด้วยชุดแฟนซีจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีเป็นสีสันทุกงาน (และแน่นอนว่าแอดมินของพวกคุณก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบหาชุดอะไรที่อยากใส่ ใส่ไปงานวิ่งเสมอ อย่างที่แฟนเพจก็รู้ ๆ กันอยู่)
แต่การแต่งชุดแฟนซีที่ดี อย่างน้อยที่สุดมันก็ควรจะต้องมีมารยาท แต่งกันพองามที่ไม่อุจาดตา หรือไม่ได้เป็นการก่อกวน แสดงแมสเสจที่ “offensive” ทำร้ายความรู้สึกคนอื่น หรือก้าวร้าวใส่ใคร ส่วนใหญ่ชุดแฟนซีเขาก็จะใส่กันด้วยพลังงานด้านบวกทั้งนั้น

แต่ไม่ใช่กับเคสที่ “ทัศนคติบกพร่อง” แบบกรณีนี้

  1. นี่คือภาพที่ปรากฏออกมาในงานนี้ มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่แต่งชุดแฟนซีด้วยธีมที่ขาดระบบความคิดในการกลั่นกรองก่อนที่จะทำ ตามที่ทุกคนเห็นในภาพแล้วว่ามันมีคนตั้งใจใส่ธีมล้อเลียนแมนยู ด้วยการเอาปี๊บมาคลุมหัว แล้วใส่เสื้อของ “ทีมเรา” อย่างที่เห็นกันในรูป
    ทำเป็นเรื่องตลกขำขัน make fun กันอย่างสนุกสนาน ด้วยความคิดที่คงจะอ้างกันเหมือนเดิมว่า แค่ขำๆ
    แต่เป็นการขำที่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะขำไปกับเรื่องนี้แน่ ๆ อย่างน้อยก็ผมคนนึง ที่เป็นแฟนบอลของทีมที่พวกคุณนำเสื้อดังกล่าวมาใส่ในธีมล้อเลียนกันอย่างคึกคะนอง

แค่การจะคิดธีมที่เป็นการล้อเลียน ดูถูกเหยียดหยามในงานวิ่งที่คุณควรจะมีหัวคิดบ้างว่า มันคืองานที่ “แสดงความรัก” ของแฟนบอลแต่ละฝ่าย แต่ทะลึ่งแต่งตัวแบบนี้มาในงาน คิดว่าแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ที่เห็นสิ่งเหล่านี้ จะตลกกับคุณด้วยทุกคนรึเปล่า?
งานมีให้แสดงความรักกับทีมฟุตบอลที่ชื่นชอบ แต่กลับถูกเอามาเหยียดหยามทีมตรงกันข้ามแบบนี้ แค่ประเด็นนี้เรื่องเดียวก็เกินจะเยียวยาแล้ว

คนที่ทำแบบนี้ไม่ใช่ “แฟนบอล” (supporters) ที่แท้จริง เป็นได้แค่ [คนที่ดูฟุตบอล] เท่านั้น

  1. ประเด็นต่อมาก็คือ ในงานนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไทย ปัญหาเยอะมาก ๆ แถมเป็นดราม่าที่ไม่ได้เกี่ยวกับฟุตบอลด้วยซ้ำ
    หลังจากที่เมื่อวานสโมสรทั้งสองแห่งก็ออก statement แถลงการณ์แบบผู้ดี ๆ ให้ “หน้าชา” กันไปข้าง ถ้าคนที่ทำยังมีความรู้สึกอยู่ กับกรณีการขายตั๋วซ้ำและให้ข้อมูลผิด ๆ ว่าจะได้สิทธิพบปะและรับประทานอาหารค่ำร่วมกับนักเตะทีมชุดใหญ่ของสโมสร

แค่นั้นก็เป็นข่าวไปทั่วโลกที่สะท้อนถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจนต้นสังกัดเขาต้องออกมาแถลงให้ชัดเจน รวมถึงฝั่งของศิลปินด้วยเช่นกันที่ถูกนำไปเป็นเครื่องมือแบบที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
เรื่องนั้นยังไม่ทันจบ มีเรื่องนี้มาอีก กับการแสดงออกแบบไม่มีหูรูดทางความคิดเช่นนี้

อย่างที่แฟนบอลหลาย ๆ คนทราบว่า งานนี้พยายามจะรณรงค์อย่างมากให้แฟนบอลที่จะเข้าไปชมในงานวันแข่งขัน ใส่เสื้อทีมที่ผลิตอย่างถูกลิขสิทธิ์เข้าไปในสนาม
แต่สิ่งที่เห็นคือกลับมีคนนำเสื้อแมนยูไนเต็ดซีซั่นใหม่ ที่ยังไม่ได้เปิดตัว ยังไม่ได้ออกวางขาย เตรียมความพร้อมกันอย่างดี นำเสื้อปลอมที่ว่ามาใส่กันในงาน พร้อมถ่ายรูปกันอย่างภาคภูมิใจอย่างที่เห็นกันตามที่ปรากฏในสื่อ และดูจากรูปเชื่อว่าผู้จัดเองคงจะไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรด้วยแน่ ๆ อยู่แล้ว

สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้มาได้ยังไง มาจากไหน และคนพวกนี้นำมาใส่ในงานที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศอย่างโจ่งครึ่มขนาดนี้
แน่นอนว่า ถ้าสโมสร #ManchesterUnited เห็นภาพสินค้าที่พวกเขาวางแพลนการโปรโมตวางขายเอาไว้หลังจากนี้ แต่กลับถูกเอาตัวละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามาใส่ออกงานกันเสียขนาดนี้ ก็มีแต่จะอับอายกว่าเดิม
และ “ประเทศไทย” ก็จะยิ่งเสื่อมเสียหนักกว่าเดิมในเรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้ง ๆ ที่แฟนบอลในยุคปัจจุบันสามารถที่จะหาซื้อสินค้าดี ๆ จากสโมสรที่เขาส่งมาวางขายอย่างถูกต้องตามร้านจำหน่ายเสื้อกีฬาทั่วไปได้ง่ายมาก ๆ

กลับทำพฤติกรรมสนับสนุนของปลอมซะยังงั้น
คนทำอาจจะไม่ได้รู้สึกว่ามันจะกระทบกระเทือนอะไรระดับประเทศขนาดนั้น แต่นี่คือภาพลักษณ์ที่สายตาจากข้างนอกสามารถเหมารวมและตัดสินได้เลยว่า พื้นฐานของคนประเทศนี้เป็นยังไง
อับอายยังไม่พอ สร้างความเสียหายในเรื่องความน่าเชื่อถืออีก คำว่า Butterfly Effect ยังจริงเสมอ และคนที่ทำก็คงจะอ้างกันแบบไทย ๆ เหมือนเดิมว่า “เรื่องแค่นี้คิดอะไรมาก ? “

แน่ใจเหรอว่าเรื่องแค่นี้

  1. การแต่งตัวด้วยเสื้อแมนยูไนเต็ดของปลอมเหล่านี้ แล้วยังจะคิดธีมเนื้อหาที่โคตรจะไม่สร้างสรรค์ ทั้ง ๆ ที่เป็นงานซึ่งสโมสรระดับโลกทั้งสองสโมสร ให้เกียรติประเทศเรา และยินดีมาร่วมสร้างความสุขให้กับแฟนบอลของทั้งสองทีม
    มันไม่ได้เป็นเนื้อหาที่สร้างความสนุกสนานเลยแม้แต่น้อย เหมือนที่คนทำสิ่งเหล่านี้คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกสนาน ไม่ซีเรียส

แต่สิ่งที่พวกคุณนำเอามาติดใส่ปี๊บเล่นกันอย่างสนุกสนาน มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นการเหยียบย่ำความรู้สึกของแฟนบอลที่เชียร์ทีมนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพสัญลักษณ์ตราสโมสรที่เป็นความรัก ความศรัทธาของใครหลาย ๆ คน ถูกเอามาแปะหราอยู่บนปี๊บที่นำมาใส่
อย่าเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าการครีเอท มันคือการหยามความรู้สึกคนอื่น และทำให้ “แบรนด์สโมสร” เขาเสื่อมเสียด้วย กับแค่ช่วงเวลาที่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มีผลการแข่งขันที่ไม่ดีไปบ้าง มีปัญหาที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกคุณจะมาทำอะไรกับความศรัทธาของคนอื่นได้แบบนี้

ทีมเราตกต่ำ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมาทำอะไรแบบที่ไม่มีการให้เกียรติกันแบบนี้
มันคือการ “ประจานตัวเอง” ออกสื่อไปทั่วโลก และคนที่เสื่อมเสียมันไม่ใช่คนที่นำธีมเหล่านี้มาเล่นหรอก แต่มันคือผู้จัดงานที่โดนหางเลข และมันคือภาพลักษณ์ของประเทศที่มีแฟนบอลนำเสนอคอนเทนต์ที่น่าอับอายแบบนี้

ถ้าใครจำได้ ยุคก่อนที่มีแฟนบอลขาดหัวคิดอยู่กลุ่มหนึ่งที่ทำป้าย xxx ต่ำตม ขึ้นมาอันนึงที่เขียนว่า Alex Ferguson out working go to the hell 20=โกง (Munich, 58)
นอกจากภาษาอังกฤษง่อย ๆ ที่เขียนบนป้ายแล้ว ยังเอาเรื่องโศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 1958 ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และในนั้นมีเหล่านักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มาด่าด้วย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร สุดท้ายรูปพวกนั้นก็ออกไปสู่สายตาชาวโลก แถมโดนสื่อนอกตีข่าวว่า “Shameful” ไปทีนึงแล้ว

ความเป็นคนอยู่ตรงไหน เมื่อเอาชีวิตและความตายของคนอื่นมาดูถูกดูแคลนแบบนั้น นั่นก็ครั้งนึงแล้ว
พอมีงานของสโมสรระดับโลกมาจัดที่ไทยอีกครั้งในปีนี้ “วงล้อแห่งการเหยียบย่ำคนอื่น” ที่ไร้การกลั่นกรองจากรอยหยักในสมองก็ยังคงเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งจนได้
และดูเหมือนว่าจะยังไม่จบแค่นี้ด้วย เพราะวันงานมีอีกแน่นอน มันไม่มีจบชัวร์ ๆ

ไม่ว่าคนที่ทำเรื่องนี้จะเป็นแฟนบอลทีมไหนก็ไม่สมควรทำทั้งนั้น จะเป็นแฟนแมนยูฯ เองที่แต่งตัวสิ่งนี้มาล้อเลียนตัวเองประชดชีวิต มันก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรแสดงออกมาอยู่แล้ว
แต่หนึ่งในต้นความคิดเลวร้ายพวกนี้ กลับไม่ใช่แฟนบอลแมนยูฯ แต่เป็นแฟนบอลทีมตรงข้ามซะด้วยซ้ำที่เอาเสื้อของพวกเราไปใส่ พร้อมปี๊บล้อเลียนกันอย่างที่เห็น แฟนทีมนั้นชัดเจน หลาย ๆ คนไปสืบรู้เรื่องราวนี้ได้อยู่ จากคอมเมนต์รูปต้นทางที่มีคนเขียนไว้ก็ชัดเจนว่ามีคนรู้เรื่องนี้เยอะ

เชื่อแน่นอนว่า “แฟนลิเวอร์พูล” ที่เป็นคอฟุตบอลและมีความรักในสโมสรมาก ๆ ไม่มีทางทำพฤติกรรมน่ารังเกียจแบบนี้ ผมมั่นใจว่าแฟนบอลดี ๆ ของทีมพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยกับพฤติกรรมแบบนี้แน่นอน
อย่างที่โพสต์ไปเมื่อวานว่า พวกเราที่เป็นแฟนแมนยูฯ แฟนลิเวอร์พูลที่รักการชมฟุตบอล เราต่างก็มีศัตรูคนเดียวกันในงานนี้ นั่นก็คือเรื่องราวแย่ ๆ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นซึ่งทำร้ายฟุตบอลที่เรารักนั่นแหละ

คนบางจำพวกเหล่านี้มันคือพวกแฟนเกรียนประเภทที่ทำเสื้อเหยียดหยามแมนยูฯ ที่เป็นสกอร์ 9-0 มาโชว์พราวด์สะใจกันเต็มที่ หลาย ๆ คนไปสืบและก็รู้อยู่ว่าเป็นใคร
ไม่ใช่แฟนแมนยู เป็นเป็ดเกรียน ๆ หิวแสงที่แฟนบอลทีมเดียวกันไม่มีทางนับญาติกับคนแบบนี้ ซึ่งการกระทำไม่ได้ต่างกับกลุ่มที่โดนประจานไปทั่วโลกจากป้ายที่นำมาด่าเซอร์อเล็กซ์และแมนฯยูฯ เลย
(ของที่ระลึกสกอร์ 9-0 ไม่มีแฟนบอลทัศนคติดี ๆ คนไหนเขาทำกันหรอก กล้าใส่ของแบบนั้นออกมาข้างนอกให้คนอื่นเห็น มันก็เป็นการ “ประจาน” ความคิดมืดดำในหัวของตัวเองอยู่แล้ว แต่พวกเขาคงไม่ได้รู้ตัวหรอกว่ามันดูทุเรศขนาดไหน เพราะมีแต่พวกเกรียนไร้คลาสทำทั้งนั้นแหละ)

ผมขอย้ำตรงนี้ในฐานะแฟนแมนยูไนเต็ดคนหนึ่ง และในนามเพจ ศาลาผี ว่าอย่านำสิ่งที่ผมเขียนไปด่าเหมารวมแฟนลิเวอร์พูลเด็ดขาด
ย้ำอีกครั้งว่า แฟนบอลดี ๆ ที่รักในจิตวิญญาณอันสูงส่งของสโมสร Liverpool FC ไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้แน่นอน

คอนเทนต์หิวแสงและไม่สร้างสรรค์ที่ทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้ ไม่สมควรจะเกิดขึ้นกับงานของสโมสรระดับโลกแบบนี้ และภาพที่เกิดขึ้นมาก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่งที่รักและเชียร์สโมสร ที่พวกคุณเอามาเหยียบย่ำและล้ออย่างสนุกสนาน ผมรับไม่ได้อย่างแรงที่ต้องเห็นทีมถูกเอาไปทำคอนเทนต์เป็นตัวตลกตามสมัยนิยม ที่ทำกันแพร่หลายแบบไร้จิตสำนึกแบบนี้ไปทั่ว จนคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
ไม่มีแฟนบอลดี ๆ ที่ไหนทำกัน และในนั้นยังมีหน้ามาเขียนโพสต์เหยียบย่ำทีมเราอีกในยามที่ใส่เสื้อแมนยูฯ แล้วบอกว่า [ใครไม่อาย ผมอาย]
ใช่ครับ xโคตรอายเลย อายที่ประเทศไทยต้องมาเสื่อมเสีย และแสดงภาพลักษณ์ประชากรที่ยังไม่พัฒนาทางความคิด เพราะการกระทำแบบนี้นี่แหละ..

ภาพประกอบจาก ศาลาผี

อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าว กลายเป็นดราม่าสำหรับแฟนบอลทั้งสองฝ่าย เสียงส่วนใหญ่มองว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการไม่ให้เกียรติแฟนบอลฝ่ายตรงข้ามและไม่ให้เกียรติทั้งสองประเทศที่เข้ามาแข่งขันในประเทศไทย ทั้งนี้ต้องรอติดตามความคืบหน้าว่าดราม่า วิ่งแดงเดือด จะจบลงอย่างไร…

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ศาลาผี, Main Stand