กรณีเรื่องพิพาทระหว่างเทศบาลตำบลนาจอมเทียน กับผู้ประกอบการที่มาจับจองพื้นที่ชายหาดนาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อเปิดร้านค้า ร้านอาหาร แสวงหาผลประโยชน์บนพื้นที่สาธารณะส่วนรวม จนมีการประชุมร่วม 5 หน่วยงานเกี่ยวข้องพื้นที่ดังกล่าว จนได้ข้อสรุปห้ามผู้ประกอบการมาจับจองพื้นที่จัดตั้งร้านค้าเพื่อทวงคืนพื้นที่ชายหาดนาจอมเทียน ให้คงความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม ประชาชนสามารถใช้พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ก่อนนำป้ายมาติดประกาศแจ้งเตือน ดีเดย์วันที่ 27 มิ.ย. หากยังฝ่าฝืนจะมีการจับดำเนินคดีอย่างจริงจัง ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
5 หน่วยงานแจงห้ามขายอาหาร หาดนาจอมเทียน ดีเดย์ 27 มิ.ย.65 จับจริง!
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 มิ.ย. ว่าที่ พ.ต.ชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน นายอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นประธานปล่อยแถวจัดระเบียบ ทวงคืนพื้นที่ชายหาดนาจอมเทียน หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี เจ้าหน้าที่จาก กรมเจ้าท่า ฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ ทหารเรือ และเทศกิจ บูรณาการร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย กางเต็นท์ให้เจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังไม่ให้มีการเข้ามายึดพื้นที่ค้าขายอีก อนุญาตให้เพียงนักท่องเที่ยวเข้าใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน พร้อมนำแผงกั้นเหล็กมาวางปิดพื้นที่เป็นช่วงๆระหว่างชายหาดกับถนนตลอดระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร
ว่าที่ พ.ต.ชาติชาย กล่าวว่า สืบเนื่อง ระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการมาจับจองพื้นที่ บริเวณหาดทราย ถนนรถสัญจร และทางเท้า ตลอดแนวชายหาดนาจอมเทียน ระยะทางราว 1 กม. ซึ่งถือเป็นความผิดต่อระเบียบกฎหมาย ในการใช้พื้นที่สาธารณะหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึง พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ผิดระเบียบจราจร ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม อาทิ การจราจรติดขัด ประชาชนไม่สามารถใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ได้ การทะเลาะวิวาทขัดแย้งระหว่างผู้ค้า ปัญหาขยะมูลฝอยทำพื้นที่เสื่อมโทรม
นายอำเภอสัตหีบ กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงมีการจัดกำลังชุดตรวจตราพื้นที่ คอยประชาสัมพันธ์ ไม่ให้มีผู้ใดฝ่าฝืนมาใช้พื้นที่ค้าขาย ซึ่งหากมีการตักเตือน และยังดื้อดึงฝ่าฝืน จะดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอให้กลุ่มผู้ค้าให้ความร่วมมือต่อภาครัฐ เพื่อให้สังคมเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจะมีการตั้งจุดตรวจทุกวัน จนกว่าพื้นที่จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสนธิกำลังของหน่วยงานครั้งนี้ มีความเห็นพ้องต้องการให้ชายหาดนาจอมเทียน ซึ่งกรมเจ้าท่า ได้ทุ่มงบประมาณราว 600 ล้านบาท ฟื้นฟูคืนชีพชายหาด เป็นสมบัติของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน ได้ใช้พื้นที่ในการพักผ่อนหย่อนใจ และชื่นชมธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งที่ผ่านมาทาง เทศบาลตำบลนาจอมเทียน ได้พยายามแก้ไขปัญหานำป้ายไปติดประกาศเตือน เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. แต่ผู้ประกอบการไม่เกรงกลัวต่ออำนาจรัฐ ยังดื้อดึงฝ่าฝืนค้าขายดังเดิม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ ที่เห็นด้วยกับการบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ เฝ้ารอความหวังว่า ภาครัฐจะสามารถทวงคืนชายหาดแห่งนี้ ให้กลับมาเป็นของประชาชนทุกคนดังเดิม
