เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ถนนข้าวสาร พ.ต.อ.ธราดล เหมพัฒน์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.น.1 รรท.ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วย นายวสันต์ บุญหมื่นไวย์ ผอ.เขตพระนคร ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต ลงพื้นที่ดูแลความเรียบร้อยการตั้งแผงร้านค้ารวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ขณะเดินตรวจสอบนั้นพบนายวัฒน์ทวี ทวีวัฒน์ หรือ แดฟ อายุ 36 ปี พ่อค้ากัญชาปลีก กำลังจะนำโต๊ะมาตั้งเพื่อนำหน่ายจึงขอดูใบอนุญาตแต่ไม่พบ จึงขอความร่วมมือให้เก็บอุปกรณ์และให้ไปทำเรื่องขอตั้งร้านค้าริมถนนข้าวสาร

โดย นายวสันต์ กล่าวว่า ถนนข้าวสารเป็นถนนสาธารณะ การตั้งวางสิ่งของบนถนนสาธารณะ ผู้ที่จะมาตั้งวางได้นั้นต้องมีรายชื่อผ่านคณะกรรมการตรวจสอบพร้อมอนุญาตให้วางขายได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีปัญหาในการซื้อขายกัญชาเพราะเป็นสิ่งของที่ซื้อขายได้ถูกกฎหมาย แต่ผิดระเบียบตรงที่การจัดวางต้องขออนุญาตให้เป็นระเบียบอย่างถูกต้อง หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด เบื้องต้นได้ทำการตักเตือนและให้เก็บสิ่งของหากยังฝ่าฝืนจับเปรียบเทียบปรับอัตราโทษสูงสุดคือ 2,000 บาท ขณะนี้ไม่เคยมีบุคคลใดมาขออนุญาตขายเกี่ยวกับการซื้อขายกัญชา หากประชาชนท่านใดต้องการจำหน่ายสินค้าทางเท้าให้ขอใบอนุญาตให้ถูกต้องกับสำนักงานเขตหรือสำนักงานเทศกิจ

นายวัฒน์ทวี หรือ แดฟ ทวีวัฒน์ อายุ 36 ปี พ่อค้ากัญชาปลีก กล่าวว่า ตนเริ่มขายกัญชาออร์แกนิกตั้งแต่เปิดเสรี โดยวันแรกที่ประกาศซื้อขายไม่ผิดกฎหมายตนไปขายที่พัทยา 1 วัน หลังจากนั้นก็มาขายที่ถนนข้าวสาร เป็นต้นมา เริ่มต้นขายบริเวณหัวโค้งฝั่งคอกวัว แล้วขยับเรื่อยๆ มาจนถึงฝั่งหัวถนนร้านร็อคโค่บาร์ เนื่องจากเริ่มมีพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นๆ ตั้งโต๊ะขายกัญชาลักษณะเดียวกันจนต้องขยับหนีห่างออกมา ไม่อยากมีปัญหากับใคร โดยร้านของตนขายกัญชาออร์แกนิก ชั่งกรัมขาย อาทิ พันธุ์นอก ชาร์ล็อตต์ 1 กรัม ราคา 450 บาท กัญชาพันธุ์หางกระรอก หรือที่รู้จักกันอีกแบบ “ไทยสติ๊ก” 1 กรัม ราคา 200 บาท เป็นต้น เพียงซื้อ 1 กรัม ร้านก็ม้วนพันลำให้ฟรี หลังจากนี้จะไปสำนักงานเขตลงทะเบียน จองพื้นที่ขายของบนถนนข้าวสารต่อไป.