สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ว่า หน่วยข่าวกรองภายในสหราชอาณาจักร หรือ “เอ็มไอไฟฟ์” ( MI5 ) และสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ ( เอฟบีไอ ) เผยแพร่รายงานร่วมกันเกี่ยวกับ “ความเสี่ยงระยะยาว” จากจีน ที่มีต่อผลประโยชน์ของสหรัฐและสหราชอาณาจักร ตลอดจนพันธมิตร


ทั้งนี้ เอ็มไอไฟฟ์และเอฟบีไอ กล่าวว่า รัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่งพยายาม “ปรับเปลี่ยนระบบและระเบียบโลก” ด้วยการแทกแซงกิจการภายในของนานาประเทศ โดยระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า จีนก้าวก่ายการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสของรัฐนิวยอร์กในปีนี้ เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้สมัครซึ่งมีจุดยืนทางการเมืองตรงข้ามกัน และวิจารณ์เหตุการณ์ทางการเมืองที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ได้รับการเลือกตั้ง

นายเคน แมคคัลลัม ผู้อำนวยการเอ็มไอไฟฟ์ ( คนซ้าย ) และนายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ ( คนขวา ) แถลงร่วมกันที่กรุงลอนดอน

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากเอฟบีไอเจาะจงในประเด็นที่ว่า รัฐบาลปักกิ่ง “เป็นภัยคุกคามร้ายแรงและซับซ้อนมากกว่าที่คิด” ในมิติด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เนื่องจากแฮกเกอร์ของจีน “ยังคงปฏิบัติภารกิจจารกรรมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง” โดยโครงการผลิตแฮกเกอร์ของรัฐบาลปักกิ่งนั้น “เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ยิ่งกว่าของทุกชาติมหาอำนาจรวมกัน”

Sky News

นอกจากนี้ รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุถึงประเด็นไต้หวัน ว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) “อาจพยายามใช้มาตรการทางทหาร” เพื่อยึดครองเกาะแห่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ


ต่อมาสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงลอนดอนออกแถลงการณ์ประณามรายงานฉบับนี้ ว่าไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักฐานของความเป็นจริง และสะท้อนว่าทั้งสองประเทศที่จัดทำรายงานฉบับนี้ “กำลังวิ่งพล่านตามเงาตัวเอง” ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แนวคิดแบบสงครามเย็นไม่ควรมีการหยิบยกขึ้นมาอีก รัฐบาลปักกิ่งขอเรียกร้องให้สหราชอาณาจักรและสหรัฐยุติ “การนิยามภัยคุกคามจากจีน” และเลิกกระตุ้นการเผชิญหน้า ตลอดจนความขัดแย้งทุกรูปแบบ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES