จากกรณี กรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชน จัดกิจกรรม “กรุงเทพฯ กลางแปลง” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปมาชมหนังกลางแปลงตามสถานที่ต่าง ๆ ที่จัดไว้ให้ โดยสามารถชมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ พร้อมไปกับการคุมเข้มเรื่องการป้องกันโควิด-19 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพและข้อความของชาวเน็ตรายหนึ่งซึ่งได้โพสต์ข้อความพาดพิงการจัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งมีตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับงบประมาณการจัดงานว่า “…ข่าวส่งมาถึงผมแจ้งมาว่าราคาจัดจ้างคือ จอละ 8 ล้านบาท ราคาห่างกันราวฟ้ากันนรก ช่วงที่อดีต​ผู้ว่าฯอัศวินจัดฉายแถวคลองผดุงกรุงเกษม #งานนี้ชัชช่าผู้มากับความบันเทิงต้องใช้เงินเท่าไหร่ ตลอดงานทั้งหมดใช้ 20 จอ เท่ากับ 160 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายจริง ๆ ผมไม่ทราบเลยนะครับ เพราะพรรค​พวกผมเคยจ้างเมื่อเร็ว ๆ ด้วยระบบเดียวกันหนังโคตรมันถึง 3 เรื่องด้วยเงินค่าจ้างไม่กี่หมื่นบาท???? #หมายเหตุ ผมเขียนแค่ว่าได้ข่าวมายังไม่ได้ยัดเยียด​ว่าจ้างกันจอละ 8 ล้านบาท และยังตามว่า #แต่ค่าใช้จ่ายจริงๆผมไม่ทราบเลยนะครับ…”

ทั้งนี้ “บัณฑิต ทองดี” ผู้กำกับหนังไทยชื่อดังวัย 51 ปี ได้โพสต์ข้อความตอบข้อสงสัยในเรื่องนี้ว่า “…ผมไม่ได้เป็นโต้โผจัดงานนะครับ นายกสมาคมผู้กำกับกับทีมทำงานย่อยเป็นโต้โผ แต่ผมให้คำปรึกษาทีมจัดงานมาตลอด รู้ข้อมูลทุกอย่างรวมไปถึงเรื่องค่าใช้จ่าย งานนี้ กทม.ไม่เสียเงินค่าเช่าจอสักบาทครับ กทม.ประสานงานเรื่องการอนุเคราะห์สถานที่เป็นหลัก หอภาพยนตร์เป็นเจ้าภาพเรื่องการฉาย โดยสมาคมหนังกลางแปลงคิดราคาให้เหลือแค่ 150,000 บาท ในการฉาย 25 ครั้ง เป็นแค่ค่าแรงทีมงานฉายหนังเท่านั้นครับ เท่ากับจุดละประมาณ 6,000 เองครับ อย่าสร้างความแตกแยกด้วยความเข้าใจผิดเลยครับ…”

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าฯ กทม. ได้เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว ทาง กทม.ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายหรือใช้งบแต่อย่างใด เพียงแต่อำนวยการด้านสถานที่ให้เท่านั้น งานดังกล่าวถือเป็นความร่วมมือร่วมใจกันและเป็นกิจกรรมที่ดี ทั้งยังขอบคุณรองผู้ว่าฯ สานนท์ ที่ช่วยประสานให้กิจกรรมนี้เกิดขึ้นอีกด้วย.