สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ว่า จากกรณีกองทัพเม็กซิโกจับกุมนายราฟาเอล กาโร กินเตโร วัย 69 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตหัวหน้าแก๊ง “กัวดาลาฮารา” หนึ่งในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้ที่ป่าแห่งหนึ่ง ในเขตรัฐซีนาโลอา ทางตะวันตกของเม็กซิโก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


ขณะที่ นายเมอร์ริค การ์แลนด์ รมว.ยุติธรรมของสหรัฐ ยืนยันว่า รัฐบาลวอชิงตันอยู่ระหว่างการประสานงานโดยตรงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเม็กซิโก เพื่อขอให้มีการส่งตัวกินเตโรในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน มาดำเนินคดีที่สหรัฐ “โดยเร็วที่สุด” เนื่องจากอยู่ในรายชื่อ 10 อันดับอาชญากรหลบหนี ที่สำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) ต้องการตัวมากที่สุด และตั้งรางวัลนำจับสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 733.71 ล้านบาท ) ฐานเป็นผู้บงการให้มีการลักพาตัวและสังหารโหด นายเอ็นริเก กามาเรนา เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติสหรัฐ ( ดีพีเอ ) เมื่อปี 2528


อย่างไรก็ตาม ศาลในรัฐฮาลิสโก ทางตะวันตกของเม็กซิโก มีคำพิพากษาเมื่อวันจันทร์ ว่า การส่งตัวกินเตโรไม่อาจเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่ “ยังไม่มีกระบวนการเหมาะสมตามกฎหมาย” ด้านทีมงานฝ่ายกฎหมายของกินเตโรประกาศการต่อสู้ เพื่อหาทางระงับคำร้องของสหรัฐ ส่วนประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำเม็กซิโก ยังคงสงวนท่าทีต่อเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”


แม้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเม็กซิโกเคยจับกุมกินเตโรได้แล้วครั้งหนึ่ง แล้วนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนศาลพิพากษาให้จำเลยรับโทษจำคุกจากความผิดในคดีดังกล่าว แต่ศาลสั่งปล่อยตัวเมื่อปี 2556 หลังการรับโทษจำคุกผ่านไปแล้ว 28 ปี จากคำพิพากษาลงโทษเดิม คือ 40 ปี และเมื่อได้รับอิสรภาพ กินเตโรกลับเข้าสู่วงการยาเสพติดทันที


อนึ่ง เพียงไม่นานหลังข่าวการจับกุมกินเตโรแพร่กระจายออกไป เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งของนาวิกโยธินเม็กซิโก ซึ่งร่วมภารกิจจับกุมกินเตโร ประสบเหตุตก คร่าชีวิตนาวิกโยธิน 14 นาย โดยยังไม่มีรายงานยืนยันจากกองทัพเม็กซิโก ว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับภารกิจจับกุมกินเตโรหรือไม่.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES