เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เดินทางไป สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบกับ พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ลำลูกกา เนื่องจากนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี พ่อแท้ๆ ของ ด.ญ.ป๊อบ (นามสมมุติ) อายุ 12 ขวบ ซึ่งถูกพ่อเลี้ยงเป็นอดีตทหารบก ยศร้อยเอก อายุ 59 ปี ข่มขืนกระทำชำเรา ที่ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรม มีความประสงค์นำหลักฐานไปยื่นคัดค้านการประกันตัว หลังทราบว่าพ่อเลี้ยงรายนี้เข้ามอบตัวกับตำรวจ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังถูกออกหมายจับในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี

สืบเนื่องจากวันที่ 11 ก.ค.65 นายเอก ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า ตนได้แยกทางกับแม่ของลูกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งตนกับอดีตภรรยาต่างก็ไปมีคนใหม่ ช่วงแรกลูกอยู่ในความดูแลของตน พอปลายเดือน มี.ค. อดีตภรรยามารับลูกไปอยู่ด้วย และพยายามกีดกันไม่ให้ติดต่อกับลูก จนวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ครูของลูกสาวโทรฯ มาหาขอให้คุณพ่อไปพบที่โรงเรียน ก่อนจะบอกว่าเด็กเขียนเรียงความส่งครูระบายความในใจต่างๆ

เนื้อหาระบุว่า “หนูถูกพ่อเลี้ยงกระทำทางเพศ แม่แท้ๆ ก็รู้แต่ไม่ให้ความช่วยเหลือ และแม่บอกให้อดทน เพราะพ่อเลี้ยงเขาไม่ได้รักแม่แต่เขารักลูก เขาบอกจะเลี้ยงดูส่งเสียลูกไปจนตาย แต่หนูกลัว หนูไม่อยากให้เขาทำอีก หนูไม่ชอบเขา หนูต้องทนทุกข์ ไม่รู้จะขอให้ใครช่วย!!” จากนั้นครูจึงเรียกเด็กมาสอบถามจนทราบว่า ถูกพ่อเลี้ยงกระทำทางเพศและแม่ไม่ได้ให้การช่วยเหลือและถูกข่มขู่ไม่ให้บอกใคร

จากนั้นลูกได้เล่าให้ตนฟังว่า ช่วงที่อยู่กับแม่ถูกพ่อเลี้ยงกระทำ 2 ครั้ง ครั้งแรกแม่ไม่อยู่บ้าน ส่วนครั้งที่ 2 กลางดึกนอนกันอยู่ 3 คน พ่อเลี้ยงลงมือข่มขืน ลูกพยายามสะกิดให้แม่ช่วยแต่แม่ไม่ตื่น โดยหลังเกิดเหตุเด็กบอกแม่ทั้ง 2 ครั้ง แต่แม่ไม่ช่วยและยังบอกให้ลูกอดทนเพราะเขาให้เงินใช้ เมื่อตนรู้เรื่องโกรธมาก รีบรับลูกจากโรงเรียนไปแจ้งความที่ สภ.ลำลูกกา จากนั้นพ่อเลี้ยงติดต่อมาขออย่าเอาเรื่อง โดยจะจ่ายค่าเสียหายให้ 1 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่ตนไม่ยอม จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า ขณะนี้ ด.ญ.ป๊อบ ผู้เสียหายสภาพจิตใจย่ำแย่ และมีอาการซึมเศร้า จึงได้ประสาน นางสิริวิมล เหมะธุรินทร์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี และนางสุภชา พรหมศร หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี พร้อมพ่อและเด็กผู้เสียหาย มาร่วมประชุมกันที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อดูแลเรื่องการฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กและการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต ทั้งนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป