เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ดร.สนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ผ่านระบบห้องประชุมออนไลน์ ZOOM เมื่อเร็ว ๆ นี้  ได้หยิบยกข้อราชการและโครงการต่าง ๆ ที่ สพฐ. อยู่ระหว่างการดำเนินการมารายงานให้ที่ประชุมได้ทราบ โดยเฉพาะโครงการที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 การดำเนินงานโรงเรียนปลอดขยะ การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ Active Learning การเผยแพร่บทความวิจัยของครูและบุคลากรทางการศึกษาในรูปแบบ e-Journal และร่างกรอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เป็นต้น  

“ที่ประชุมยังได้พูดคุยถึงเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งพบว่าขณะนี้มีครู และบุคลากรทางการศึกษาติดเชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด สพฐ.ปฏิบัติตามมาตรการที่คณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้จะไม่ใช่การกำชับ แต่ถือเป็นการสั่งการ ทั้งนี้เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งให้เตรียมการดูแลช่วยเหลือบุคลากรที่ติดเชื้อด้วย ขณะเดียวกันจะมีการเร่งรัดเพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบทั้งประเทศด้วย” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังได้มีการรายงานข้อมูลการอนุญาตให้ใช้อาคารสถานที่ของสถานศึกษาสังกัด สพฐ. เพื่อทำเป็นโรงพยาบาลสนามและสถานที่กักตัวหรือสถานที่พักคอย รวมถึงหน่วยบริการด้านสาธารณสุข ล่าสุดพบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 846 โรงเรียน แบ่งเป็น โรงพยาบาลสนาม 81 โรง โรงพยาบาลสนามสำรอง 17 โรง โรงพยาบาลสนามและสถานที่กักตัว 42 โรง สถานที่กักตัว 460 โรง สถานที่พักคอย 334 โรง สถานที่แวะเข้าห้องน้ำ 11 โรง หน่วยคัดกรอง (Swab) 1 โรง และ 2 ค่ายลูกเสือ ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้ถึง 20,981 เตียง