สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ว่านายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ร่วมกันเป็นสักขีพยาน ในการลงนามข้อตกลงเปิดทางส่งออกธัญพืชจากท่าเรือ 3 แห่ง ในทะเลดำส่วนของยูเครน เพื่อบรรเทาความรุนแรงของวิกฤติอาหารโลก ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน


พิธีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังเจรจากันมานานหลายเดือน ลงนามโดย รมว.กลาโหมของรัสเซียและตุรกี คือ พล.อ.เซอร์เก ชอยกู และ พล.ฮูลูซี อการ์ และนายโอเล็กซานเดอร์ คูบราคอฟ รมว.โครงสร้างพื้นฐานของยูเครน

สำหรับสาระสำคัญของข้อตกลงรวมถึงการกำหนด “เส้นทางปลอดภัย” สำหรับเรือบรรทุกสินค้า ในการลำเลียงธัญพืชออกจากท่าเรือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงการได้รับอันตรายจากทุ่นระเบิด โดยจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมที่เมืองอิสตันบูล

ข้อตกลงนี้จะช่วยเปิดทางการส่งออกธัญพืชที่ตกค้างมากกว่า 20 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 366,010 ล้านบาท) และน่าจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน เดือนละประมาณ 5 ล้านตัน


ทั้งนี้ พล.อ.ชอยกู กล่าวหลังการลงนาม ว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันปฏิบัติตามข้อตกลง “ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” และเงื่อนไขทั้งหมดเป็นผลจากการเจรจากันเป็นการภายใน ระหว่างรัสเซียกับยูเครน มียูเอ็นและรัฐบาลตุรกีทำหน้าที่คนกลาง และไม่มีเงื่อนไขใดเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องของสหรัฐและยุโรป


อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของข้อตกลงยังไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน เกี่ยวกับวิธีการสังเกตการณ์และตรวจสอบเรือทุกลำ ที่จะเข้ามาลำเลียงธัญพืช ไม่มีการซุกซ่อนอาวุธเข้ามาด้วย และการเดินทางออกของเรือที่จะต้องไม่มีการบรรทุก “สิ่งแปลกปลอมอื่น” ออกไปเช่นกัน

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลสหรัฐประกาศเตรียมมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธเพิ่มเติมให้แก่ยูเครนอีก คิดเป็นมูลค่าประมาณ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,882.27 ล้านบาท) ขณะที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐ “คาดการณ์” ว่ากองทัพรัสเซียสูญเสียกำลังพลไปแล้ว “มากกว่า 15,000 นาย” นับตั้งแต่สงครามปะทุ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่กองทัพยูเครนสูญเสียกำลังพล “ไม่น้อยไปกว่ากัน” แต่ปฏิเสธประมาณการสถิติของรัฐบาลเคียฟ.

เครดิตภาพ : REUTERS