เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น แถลงข่าวการดำเนินคดีกับนายปรเมษฐ์ อรรคฮาด อายุ 20 ปี ผู้จัดการร้านอาหารสุขสันต์ ตั้งอยู่ ถนนประชาสำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ในข้อหา “ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.250 มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ น.ส.ปภาวี ชัยมงคล หรือเจ้าของฉายา น้องออยรอยจูบ อายุ 25 ปี ในข้อหา “กระทำการอันควรขายหน้ำต่อธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น” ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ร้านอาหารสุขสันต์ ได้จัดให้มีการแสดงโชว์ของน้องออยรอยจูบ ซึ่งการโชว์ดังกล่าว เป็นการโชว์เปลือยร่างกายท่อนบน ด้วยการถอดเสื้อและเดินโชว์บนเวทีการแสดงที่เป็นภาพเคลื่อนไหว เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เป็นการแสดงอนาจารให้แก่นักท่องเที่ยวหรือผู้มาใช้บริการในสถานบันเทิงได้รับชม จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างแพร่หลาย ตำรวจเห็นคลิปในโซเชียล จึงได้ติดตามตัวผู้จัดการร้านอาหารและเจ้าของร้านมาสอบสวน ซึ่งก็สามารถติดตามตัว นายปรเมษฐ์ ผู้จัดการร้านอาหารดังกล่าว และ น.ส.ปภาวี มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านนายปรเมษฐ์ ให้การว่า ร้านอาหารเปิดบริการมา 2 ปี ลูกค้าน้อย จึงคิดว่า หากให้บริการลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวไม่เด็ด ลูกค้าก็ยังน้อยเช่นเดิม ร้านจึงได้ประสานให้น้องออย มาเปิดเพลงโชว์ที่ร้าน เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า โดยคิดว่า หากเพลงเพราะ ดีเจสวย ลูกค้าก็ต้องเข้ามาที่ร้านจำนวนมาก ยอมรับว่าต้องการให้ลูกค้าเข้าร้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งร้านอาหารสุขสันต์นั้น เปิดเป็นร้านอาหาร ไม่ใช่สถานบริการ แต่ตั้งอยู่ในโซนนิ่งที่สามารถขอเปิดเป็นสถานบริการได้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาทางร้านมีการยื่นขอเปิดเป็นสถานบริการ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต

ขณะที่น้องออยรอยจูบ กล่าวว่า สำหรับการทำงานเป็นดีเจ โดยส่วนตัวจะชอบความเมาอยู่แล้ว และก่อนทำงานทุกครั้งก็จะดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย โดยร้านสุขสันต์ว่าจ้างให้มาเป็นดีเจ เปิดเพลงในร้าน จนเกิดอาการเมา จึงลงมาเดินโชว์และถอดเสื้อโชว์ ยอมรับว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากความเมาและความคึกคะนอง จนขาดสติถอดเสื้อออกโดยไม่คิด นับจากนี้ไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพราะเกรงจะกระทบกับงานที่ทำอยู่

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อรายงานให้ฝ่ายปกครองหรือนายอำเภอทราบเรื่อง เพื่อพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ.สถานบริการ เพราะร้านสุขสันต์ยังไม่มีใบอนุญาตให้เปิดเป็นสถานบริการ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝ่ายปกครองว่า จะให้ร้านสุขสันต์เปิดบริการต่อ หรือจะมีการสั่งปิด ในความผิดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 ขณะที่คดีของ น.ส.ปภาวี ได้ทำการเปรียบเทียบปรับที่ชั้นพนักงานสอบสวน ตามที่กฏหมายสูงสุดคือ 5,000 บาท ส่วน นายปรเมษฐ์ ผู้จัดการร้านสุขสันต์ ได้ส่งฟ้องที่ศาลเป็นผู้พิจารณาต่อไป.