สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารครั้งล่าสุดของอิสราเอล ที่เป็นการโจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซา อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า “เป็นสิทธิอันชอบธรรม” ของรัฐบาลเทลอาวีฟ ในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคาม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันขอเรียกร้องคู่กรณีทุกฝ่ายในฉนวนกาซา หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือนไปมากกว่านี้


ด้านกระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย รวมถึงเด็ก 6 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 200 คน ภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลออกใหม่ของกองกำลังป้องกันอิสราเอล ( ไอดีเอฟ ) ซึ่งคราวนี้เป็นการสู้รบกันเป็นหลัก ระหว่างไอดีเอฟกับ “ปาเลสไตน์ อิสลามิก จีฮัด” ( พีไอเจ ) ที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มฮามาส โดยอิสราเอลเปิดฉากโจมตีก่อนเมื่อวันศุกร์ สังหารนายเทย์เซียร์ จาบารี สมาชิกระดับแกนนำของพีไอเจ ที่นายกรัฐมนตรียาอีร์ ลาพิด ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า “เพื่อตัดวงจรภัยคุกคาม”

ภาพถ่ายมุมสูงเผยให้เห็นพื้นที่ความเสียหาย ซึ่งเคยเป็นบ้านหลังหนึ่ง ในฉนวนกาซา ที่พังทลายราบเป็นหน้ากลอง ผลจากการโจมตีของอิสราเอล


ทั้งนี้ อิสราเอลเชื่อว่า พีไอเจมีความเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงหลายระลอกในอิสราเอล เมื่อช่วงต้นปีนี้ ที่ส่งผลให้มีผู้ชีวิตรวมกันอย่างน้อย 17 ราย หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวปาเลสไตน์หลายสิบคน โดยส่วนใหญ่เป็นการจู่โจมเมืองเจนิน ในเขตเวสต์แบงก์


ขณะที่ พีไอเจซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่มฮามาส ระดมยิงจรวดข้ามเขตแดนจากฉนวนกาซาแล้วมากกว่า 400 ลูก พุ่งเป้าโจมตีเมืองใหญ่หลายแห่งของอิสราเอล รวมถึงกรุงเทลอาวีฟ และเมืองเยรูซาเลม ซึ่งระบบไอเอิร์น โดม ของอิสราเอล สามารถสกัดเอาไว้ได้แทบทั้งหมด ส่วนกลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซาประกาศเคียงข้างพีไอเจ เป็นสัญญาณว่า การสู้รบครั้งนี้จะยืดเยื้อ ด้านหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) กาตาร์ และอียิปต์ กำลังวิ่งวุ่นอย่างหนักเพื่อหาทางยุติการสู้รบครั้งนี้


อนึ่ง สถานการณ์รุนแรงในฉนวนกาซารอบนี้ เกิดขึ้นประมาณ 3 เดือน หลังครบรอบ 1 ปี สงครามครั้งล่าสุดระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่กินเวลานาน 11 วัน เมื่อเดือน พ.ค. 2564 คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์มากกว่า 250 ราย และประชาชนในอิสราเอล 14 ราย รวมถึงแรงงานไทย 2 ราย.

เครดิตภาพ : REUTERS