ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 9 ส.ค. คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่าสถานการณ์โลกมีความผันผวนมาก หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ไปเยือนไต้หวัน ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกอย่างมาก ซ้ำเติมกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา การยิงอดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ฯลฯ หากมองย้อนอดีตจะพบว่าสถานการณ์เหล่านี้เหมือนจะซ้ำรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 หวังว่าประเทศต่างๆ จะเรียนรู้จากประสบการณ๋ในอดีตและจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะผู้เสียชีวิตและความเสียหายจะรุนแรงมาก อีกทั้งหากมีสงครามใหญ่เกิดขึ้นจริง สถานการณ์และรูปแบบเศรษฐกิจจะแตกต่างไปอย่างมาก

ความขัดแย้งของประเทศจีนและไต้หวันทำให้เห็นว่า อุตสาหกรรมไมโครชิพ มีความสำคัญอย่างมาก บริษัท TSMC ของไต้หวันเป็นบริษัทผลิตไมโครชิพ ที่มีคูณภาพสูงและเป็นผู้ผลิตรายใหญ่จนห่วงกันว่าหากมีสงครามเกิดขึ้น ปัญหาไมโครชิพ จะขาดแคลนทั่วโลก ขนาดประเทศจีนแซงชั่นไต้หวันจากเหตุการณ์นี้ ยังไม่กล้าที่จะบล็อกไมโครชิพ เพราะประเทศจีนใช้มากที่สุด ดังนั้น น่าจะเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะติดต่อบริษัท TSMC เพื่อมาตั้งโรงงานผลิตไมโครชิพในประเทศไทย เพราะอุตสาหกรรมในอนาคตแทบทุกชนิดต้องใช้ไมโครชิพนี้ ซึ่งเป็นเหมือนอุตสาหกรรมต้นน้ำของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และ บริษัท TSMC คงหวังจะกระจายความเสี่ยงเช่นกัน หรือจะเป็นบริษัทไมโครชิพจากเกาหลีใต้ก็ได้

ทั้งนี้ บริษัท TSMC ยืนยันว่าหากประเทศจีนบุกยึดไต้หวันก็ไม่สามารถยึดบริษัท TSMC ไปทำเองได้ เพราะการผลิตมีความซ้บซ้อน มีกระบวนการผลิตที่เป็นความลับขั้นสูง โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้แสดงความเห็นมาตลอดว่าอุตสาหกรรมการผลิตไมโครชิพและอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่คุณภาพสูง มีความจำเป็นต่ออนาคตของการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยอย่างมาก สหรัฐเองยังออกกฎหมายอุดหนุนอุตสาหกรรมผลิตไมโครชิพนี้ในวงเงินถึง 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลย โดยแนนซี เพโลซี ยังไปพบกับประธานบริษัท TSMC ในเรื่องนี้ ทั้งนี้ความขัดแย้งของ จีน สหรัฐ และไต้หวัน ครั้งนี้ ไทยจะต้องวางตัวให้เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดของไทยเอง และอยากสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าในการประชุมเอเปคที่จะมีขึ้น ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้เตรียมตัวรับมือเรื่องนี้อย่างไร

นายพิชัยกล่าวต่อไปว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นสาเหตุของราคาน้ำมันแพง ก๊าซแพง ยังไม่จบง่ายๆ และยังส่งผลให้ราคาอาหารของโลกแพงไปด้วย แต่ประเทศไทยยังไม่สามารถทำให้เกิดประโยชน์กันเกษตรกรไทยได้เลย ชาวนาและเกษตรกรไทยยังเผชิญกับภาวะข้าวของแพง เงินเฟ้อ ปุ๋ยแพง ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูง แต่รายได้ไม่เพิ่ม แถมมีปัญหาอื่นอีกมากมาย ทั้งที่รัฐบาลน่าจะต้องใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

แต่ปัญหาที่รุนแรงและทำท่าจะเป็นปัญหาใหญ่กับไทยที่ประชาชนส่วนใหญ่อาจจะไม่ทราบ คือปัญหาความไม่สงบในเมียนมาจากรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมาที่ยังทำร้ายประชาชน ทำให้เกิดการต่อต้านเป็นวงกว้างมานานแล้ว ล่าสุดมีการวางระเบิดท่อส่งก๊าซจากแหล่งซอติก้า ส่งผลให้การส่งก๊าซจากเมียนมามาไทยมีปัญหา ก๊าซธรรมชาติที่ใข้ในการผลิตไฟฟ้าของไทยยิ่งขาดแคลนมากขึ้น จะนำเข้าก๊าซ LNG ก็มีราคาแพงมาก และต้องหันกลับไปใช้น้ำมันดีเซลที่มีราคาแพง (แต่แพงน้อยกว่าก๊าซ LNG) ในการผลิตไฟฟ้า อีกทั้งปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันหลายโรงอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง ทำให้การกลั่นนำ้มันดีเซลออกมาได้น้อยลง ทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันดีเซลจากประเทศไทยสิงคโปร์เข้ามาใช้ในการผลิตไฟฟ้า อาจจะขาดเขื้อเพลิงได้ในเร็วๆ นี้ ซึ้งอาจทำให้ต้องตัดไฟฟ้าในบางพื้นที่ เริ่มเหมือนประเทศศรีลังกาเข้าไปทุกที

นับเป็นเรื่องน่าตลกร้ายอย่างมาก ที่ประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเกินเป็นจำนวนมาก (เกินกว่า 50%) แต่กลับจะขาดเขื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เพราะขาดทั้งก๊าซในอ่าวไทยจากปัญหาข้อพิพาทสัมปทาน ขาดก๊าซจากเมียนมาจากการระเบิดของท่อก๊าซ และขาดน้ำมันดีเซลจากการซ่อมบำรุงของโรงกลั่น เพราะการบริหารจัดการที่ด้อยประสิทธิภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนหลายครั้งแล้ว และทั้งหมดนี้จะยิ่งส่งผลให้ราคาไฟฟ้าแพงขึ้นไปอีก ถึงกลับต้องยกเลิกการแถลงข่าวการขึ้นค่าไฟฟ้าในสัปดาห์ที่แล้ว จนสัปดาห์นี้ถึงจะสรุปได้ เพราะไม่แน่ใจว่าราคาค่าเชื้อเพลิงและค่า FT จะพุ่งไปขนาดไหน และปัจจุบัน กฟผ. ก็แบกค่าใช่จ่ายเขื้อเพลิงอยู่ประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาทแล้ว หนักกว่ากองทุนน้ำมันเสียอีก หากต้องขึ้นราคาไฟฟ้าอีก ประชาชนคงจะแบกรับกันไม่ไหวแน่

ทั้งนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะรับฟังคำแนะนำของคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยแต่แรก และขอตอกย้ำ 5 ข้อดังนี้ 1) เร่งแก้ไขข้อพิพาทในสัมปทานแหล่งก๊าซในพื้นที่อ่าวไทย 2) การเจรจาลดค่าความพร้อมที่ต้องจ่ายเดือนละ 8 พันล้านบาท 3) การเร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนของไทย-กัมพูชา 4) การเก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าธุรกิจปิโตรเคมี 5) เร่งจัดหาเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอ โดยหลักคิด แพงดีกว่าขาด ซึ่งหากเชื่อและนำไปปฏิบัติ สถานการณ์คงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ และขอเตือนว่าประเทศไทยอาจจะมีโอกาสขาดแคลนไฟฟ้าในไม่ช้า ซึ่งจะกระทบความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมาก

“ในภาวะที่โลกผันผวน ผู้นำจะต้องคิดและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ต้องมีความรอบรู้ฉลาดฉับไวในประเด็นต่างๆ แม้กระทั่งเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะขึ้นในสัปดาห์นี้ที่ได้เตือนไว้แล้ว จะมามัวคิดแต่เรื่องรักษาอำนาจ ตีความ 8 ปี ทั้งที่ความตั้งใจฟังของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้ใครเป็นนายกฯเกิน 8 ปี ซึ่งรวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย โดยมีหนึ่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้เคยบอกกับตนเองโดยตรงเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ถ้าหากบริหารล้มเหลวแล้วยังจะคิดยึดติดอำนาจ ประเทศไทยจะเดินต่อยากและมีแต่จะเสื่อมถอยลงเท่านั้นและในที่สุดไทยจะไม่มีตำแหน่งที่ยืนในโลกอีกต่อไป ทั้งนี้ผลสำรวจล่าสุดของนิดาโพลก็บอกว่า 64.25% ของประชาชน เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรพ้นตำแหน่งไม่เกิน 24 ส.ค.65 และ 80.03% เห็นว่า 3 ป. ไม่ควรมีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาลคราวหน้าแล้ว เพราะฉะนั้นอยากสวนความรู้สึกของประชาชนอีกเลย ทั้งนี้อยากให้ดูตัวอย่างอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่รับตำแหน่งหลังจาก 8 ปี ทั้งที่เศรษฐกิจและทิศทางเศรษฐกิจสมัยนั้นดีกว่านี้มาก ผลงานเศรษฐกิจก็ดีกว่ามากท่านยังไม่ดื้อรั้นต่อความต้องการของประชาชน” นายพิชัย กล่าว

ทางด้าน นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน นอกจากจะทำให้ราคาพลังงานของโลกสูงแล้ว ราคาอาหารและสินค้าเกษตรก็สูงขึ้นด้วย แต่เกษตรกรไทยกลับไม่ได้ประโยชน์ ราคาสินค้าเกษตรไม่เพิ่ม แถมยังต้องเจอกับ ปุ๋ยแพง น้ำมันแพง ปัจจัยการผลิตและค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น

ไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางอาหารสูง เกษตรไทยมีความสามารถในการผลิต แต่การบริหารจัดการของรัฐบาลทำให้เกษตรกรไทยไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ รัฐบาลมัวแต่ดีใจที่เรามียอดส่งออกผลไม้มากขึ้น แต่ไม่เห็นใจเกษตรกรผู้เพาะปลูก ที่มีรายได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เกษตรกรผู้ปลูก ลำใย มังคุด ประสบปัญหาราคาตกต่ำ ขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี ไม่คุ้มค่าการลงทุน ปัจจัยการผลิตราคาสูง ปุ๋ยจากเดิมกระสอบละ 500-600 บาท ขึ้นราคามา 1,500-1,600 บาท สวนทางกับราคาลำไย ขายได้กิโลกรัมละ 50 สตางค์ นับว่าตกต่ำที่สุดแล้วในรอบ 30 ปี รวมทั้งมังคุดราชินีผลไม้ไทย ที่มีการส่งออกสร้างรายได้ปีละนับหมื่นล้านบาท ราตกต่ำผันผวน ตั้งแต่เดือน พ.ค.ราคากิโลกรัมละ 100-120 บาท ปัจจุบัน ราคา 25-30 บาท ชาวสวนมังคุดต้องประสบปัญหาขาดทุน

นอกจากนี้ เกษตรกร ผู้เลี้ยงโค กระบือ ยังประสบปัญหาการกลับมาระบาดใหม่ของโรคลัมปีสกิน วัคซีนไม่เพียงพอเช่นเดิม รัฐบาลควรจะได้รับบทเรียนและแก้ไข และเกษตรกรรายย่อยผู้เลี้ยงหมู ยังไม่ได้รับเงินชดเชย จากการระบาดของโรคอหิวาหมูทั้งๆ ที่ผ่านมาเป็นปี หมูที่ขายในท้องตลาดยังมีการปนเปื้อนของเชื้ออหิวาหมูกว่าครึ่ง และอีกไม่นาน ข้าวหอมมะลิ ของภาคอีสาน กำลังจะออกสู่ท้องตลาด ผู้ส่งออกรายใหญ่ อย่างอินเดียและเวียดนามเจอปัญหา ฤดูมรสุมอินเดียปีนี้น้ำน้อย คลื่นความร้อนถาโถมในจีน น้ำท่วมในบังกลาเทศ การผลิตหลายประเทศเกิดปัญหา “ข้าวขาดตลาด” ดังนั้น ราคาข้าว ในตลาดโลกปีนี้ ดีแน่นอนไม่ต้องเป็นห่วง แต่ราคาขายในประเทศจะเป็นธรรมหรือไม่ ฝากรัฐบาลช่วยให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรมในเรื่องราคาขาย ไม่ให้ซ้ำรอยผลไม้ไทยที่แม้ขายดี ราคาสูงในตลาดโลก แต่เกษตรกรกลับขาดทุน เป็นหนี้ มาตรฐานความเป็นอยู่กลับแย่ลง

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พรรคการเมืองลงพื้นที่หาเสียงถี่ในช่วงปลายอายุรัฐบาล ว่าพรรคเพื่อไทยทยอยลงพื้นที่เปิดนโยบาย เปิดตัวผู้สมัคร ให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วที่จะเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สวนทางกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่แยกกันเดิน แยกกันขึ้นเวที แยกกันลงพื้นที่ เพื่อแก้ตัวกับประชาชน กลบความล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพใน 8 ปีของระบอบสืบทอดอำนาจ นิด้าโพลสะท้อนชัดประชาชน 64.25 เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรประกาศอยู่ในตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ไม่เกิน 24 ส.ค.นี้ ขณะที่ 55.18% เชื่อหลังเลือกตั้งสมัยหน้า 3 ป. จะไม่มีบทบาทจัดตั้งรัฐบาล จะให้ประชาชนไว้วางใจ 3 ป.ได้อย่างไร ในเมื่ออยู่มา 8 ปี 3 ป.ยังไม่ไว้วางใจกันเองเลย พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ประชาชนอดทน เพื่อให้ตนเองได้ยืดเวลาบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้นานที่สุด ทำประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม ประชาชนขอขึ้นค่าแรง แต่รัฐบาลกลับขึ้นค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ทำต้นทุนชีวิตแพง แต่ค่าแรงถูก คุณภาพชีวิตถดถอย 8 ปี มีอดีตนายกฯ เคยบอกผมพอแล้ว แต่ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ สะกดคำว่าพอไม่เป็น แถมยังดิ้น หาทางไปต่อ

“ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งนายกฯ คนขึ้นมารักษาการคือ พล.อ.ประวิตร จะไปเอาความเชื่อมั่นมาจากไหน 8 ปียังวิกฤติหนักขนาดนี้ อย่าดิ้นต่อให้เป็นภาระลูกหลานเลย” นายอนุสรณ์ กล่าว