เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีศาลแพ่งมีคำสั่ง คุ้มครองชั่วคราวห้ามนายกฯ ใช้ข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 29 ให้อำนาจ กสทช.ฟันเฟคนิวส์-ตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสื่อ จนกว่ามีคำสั่งอย่างอื่น ว่า ถ้าปล่อยให้มีการใช้อำนาจที่เป็นการลิดรอนสิทธิแทรกแซงสิทธิเสรีภาพของประชาชน เชื่อว่าประเทศไทยจะต้องถูกตั้งคำถามจากนานาอารยประเทศ หลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่าอาจทำให้ประเทศไทยไม่ได้รับการยอมรับจากสายตาต่างประเทศ เป็นหลักฐานและใบเสร็จสำคัญว่ารัฐบาลพยายามใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อลิดรอนสิทธิเสรีภาพและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
“ประชาชนวิตกกังวล และไม่เชื่อมั่นรัฐบาล ที่พยายามปิดปากสื่อ ปิดปากประชาชน แม้จะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก็ไม่อาจไว้วางใจได้ เพราะรัฐบาลอาจหาเครื่องมืออื่นมาลิดรอนสิทธิประชาชนได้อีก ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันจับตาและเฝ้าระวัง” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มราษฎร และอีกหลายเครือข่าย ได้ประกาศนัดชุมนุมในวันเสาร์ที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า ขอฝากความห่วงใยไปยังทุกภาคส่วน หวังว่าทุกฝ่ายจะไม่ใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไม่มีการบังคับใช้กฎหมายไปในทางที่มิชอบ ไม่ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุในการปราบปรามผู้ชุมนุม ไม่ปล่อยให้มีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดให้ผู้ชุมนุม เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้ชุมนุมและประชาชน หากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการขัดหลักกฎหมาย หรือผิดหลักสากล อาจถูกดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดได้
“การเคลื่อนไหวหลายครั้งที่ผ่านมา ความรุนแรงไม่ได้เกิดจากผู้ชุมนุม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า ต้องอดทนอดกลั้นให้มากและไม่ใช้ความรุนแรง” นายอนุสรณ์ กล่าว.