ตามรายงานจากสำนักงานนายอำเภอแห่งแฟลกเลอร์ เคาน์ตี รัฐฟลอริดา แม่ของเด็กรายหนึ่งแสดงความเกรี้ยวกราดอย่างมากระหว่างลงมือสั่งสอนลูกสาว หลังจากที่เธอพบภาพถ่ายที่มีลักษณะ ‘ล่อแหลมทางเพศ’ ในโทรศัทพ์มือถือของลูกคนหนึ่ง ซึ่งต่อมามีรายงานข่าวว่าเป็นโทรศัพท์ของเด็กหญิงวัย 12 ขวบ

พยานในเหตุการณ์ให้การแก่เจ้าหน้าที่สำนักงานนายอำเภอว่า แม่วัย 33 ปีรายนี้ทำร้ายร่างกายเด็กหญิงด้วยการจับเธอใส่กุญแจมือคล้องติดกับพวงมาลัยรถยนต์ แล้วปล่อยให้เธอนั่งอยู่ในรถร้อน ๆ เป็นเวลานาน จากนั้นก็พาเธอไปยังโรงแรมใกล้ ๆ ซึ่งเป็นที่ทำงานของผู้เป็นแม่ 

เมื่อไปถึงที่นั่น หญิงผู้เป็นแม่ก็ตวาดใส่ลูกสาวและจับเด็กหญิงกล้อนผมออก นำแป๊บน้ำมาใส่ไว้ในปากของเด็กหญิง แล้วจึงเขียนคำประณามเกี่ยวกับเรื่องทางเพศไว้บนใบหน้าของเด็ก

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานนายอำเภอ กล่าวว่า ภายหลัง พวกเขาค้นพบทั้งแป๊บน้ำและผมที่โดนกล้อนออกในถังขยะ

สำนักงานนายอำเภอแฟลกเลอร์ เคาน์ตี ได้รับแจ้งเหตุเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงเมื่อเวลาประมาณ 14.15 น. ของวันที่ 11 ส.ค. 2565 โดยศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานที่โรงแรมของแม่เด็ก ทีมเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปยังบ้านของแม่ของเด็กหญิงในเขตปาล์มโคสต์ เมื่อเวลาประมาณ 16.45 น.

ในคลิปวิดีโอที่มีเจ้าหน้าที่บันทึกภาพไว้ แม่ของเด็กซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาได้แสดงอาการขัดขืนการจับกุมและด่าทอเจ้าหน้าที่ หลังจากได้รับแจ้งข้อกล่าวหา

แม่ของเด็กหญิงโดนจับกุมและตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายเด็ก ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายและขัดขืนการจับกุม เธอโดนควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำเพอร์รี ฮอลล์ โดยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 17,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 620,000 บาท)

นายอำเภอ ริก สเตลีย์ กล่าวว่า ผู้เป็นแม่ย่อมมีสิทธิอบรมสั่งสอนลูก แต่แม่รายนี้เอาความโกรธของตัวเองไปลงที่ลูกด้วยวิธีการที่ ‘รับไม่ได้’ หลังจากนั้นยังพยายามที่จะขัดขืนและขัดขวางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่อีกด้วย 

สเตลีย์ กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ทำอาชีพนี้มา เขาไม่เคยเห็นใครทำกับเด็กได้น่ากลัวขนาดนี้ แล้วอ้างว่าเป็นการอบรมสั่งสอน และเขาหวังว่าแม่รายนี้จะได้เข้ารับการบำบัดเพื่อแก้ปัญหาการจัดการอารมณ์โกรธของเธอ

ส่วนทางผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งห้ามเข้าใกล้เด็กหญิงแก่ผู้ต้องหา ในขณะเดียวกันก็มีการแจ้งให้ทางหน่วยงานดูแลด้านเด็กและครอบครัวของรัฐฟลอริดาได้รับทราบแล้ว

แหล่งข่าว : miamiherald.com

เครดิตภาพ : Pixabay / Jess Bailey