วันที่ 19 ส.ค. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. และ นายสุนทร ชื่นศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร พร้อมกำลัง หน่วยอรินทรราช ตำรวจ สน.ประเวศ นำหมายค้นจากศาลอาญา เข้าตรวจสอบที่บ้านหรู 3 หลังในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งภายในซอยศรีนครินทร์ 53 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ หลังมีหมายอายัดทรัพย์สินของขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า การตรวจค้นวันนี้เป็นการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.ปี 2563 จนถึงวันที่ 6 ต.ค. 2564 พบว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันถึง 8 คดี ที่มีเครือข่ายเดียวกัน โดยเส้นทางยาเสพติดจะมาจาก จ.เชียงราย ทางฝั่งเหนือหรือ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและยึดยาเสพติด ยาบ้า 22 ล้านเม็ด ไอซ์ 400-500 กิโลกรัม และจากการสืบทราบพบว่าเป็นของเครือข่ายนายมิน มิน อู ชาวเมียนมา ที่ถูกจับกุมแล้วก่อนหน้านี้ จากนั้นขยายผลต่อ พบความเชื่อมโยงไปถึงนายทุนชาวจีน จนมีการขอศาลออกหมายจับไว้แล้ว แต่ตัวของผู้ต้องหาชาวจีน ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ทางตำรวจจึงประสาน ป.ป.ส. ขออนุมัติการยึดทรัพย์สินทั้งหมด 385 ล้านบาท มีทั้งบ้าน 3 หลัง ในหมู่บ้านย่านศรีนครินทร์ ราคาหลังละ 50-70 ล้านบาท รวม 180 ล้านบาท

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวอีกว่า จากการตรวจค้นบ้าน 2 หลังแรก พบว่ามีการปล่อยให้บุคคลอื่นเข้ามาเช่าอยู่อาศัย ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานว่า บุคคลที่มาเช่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติดหรือไม่ เนื่องจากผู้เช่าบางรายมีการถือครองโฉนดคอนโดมิเนียมอีก 5 แห่ง และยังพกเงินสดในตู้เซฟอีกจำนวนหนึ่ง ตำรวจจึงยึดไว้ตรวจสอบ ส่วนบ้านหลังที่ 3 ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาชาวจีนตามหมายจับ ไม่พบว่ามีใครอยู่ภายในบ้าน ซึ่งจากข้อมูล เชื่อได้ว่าคนจีนรายนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังตรวจค้นและอายัดคอนโดฯ 9 ห้อง เงินสด 12 บัญชี จำนวนเงิน 72 ล้านบาท โดยเงินสดได้อายัดไว้ก่อนหน้านี้ ประมาณ 10 เดือน แต่ยังไม่มีใครมาติดต่อเบิกถอน เชื่อว่าทรัพย์สินที่ได้มาจากเครือข่ายค้ายาเสพติด น่าจะมีมากกว่าบ้าน 3 หลัง ซึ่งอาจจะมีถึง 10 หลัง อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในการขยายผลต่อไป

ผอ.ป.ป.ส.กทม. กล่าวว่า เครือข่ายที่เข้ามาจับกุมและอายัดทรัพย์สินในวันนี้ เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเงิน นำเงินมาซื้อบ้าน 3 หลัง ซึ่งทาง ป.ป.ส. ได้อนุมัติให้ทำการยึดอายัดไว้แล้ว โดยเครือข่ายนี้มีถึง 3 สัญชาติ ผู้สั่งการอยู่ในประเทศลาว และบางคนอยู่ในประเทศจีน มาทำธุรกรรมทางการเงิน ส่วนกลุ่มคนไทย จะเป็นกลุ่มที่รับจ้างดูแลบัญชี หรือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในลักษณะกลุ่มนอมินี สำหรับมูลค่าทรัพย์สินของเครือข่าย มีการยึดอายัดไว้เกือบ 400 ล้านบาท แต่ในทางการสืบสวนขยายผล คาดว่าน่าจะมีมากถึง 1,000 ล้านบาท

สำหรับปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในวันนี้ มีทั้งสิ้น 13 จุด ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการทำธุรกรรมทางการเงิน มีการโอนเงินไปยังจุดต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบต่อไป และจะมีการแถลงสรุปผลปฏิบัติการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันนี้ เวลา 13.00 น.