เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.ย. ที่ กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม และในฐานะผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาเหยื่อจากแก๊งค้ามนุษย์ที่ถูกหลอกไปบังคับทำงาน “โรแมนซ์สแกม” ถูกล่ามโซ่ ใส่กุญแจมือ ทุบตี ทำร้ายร่างกายที่ประเทศฟิลิปปินส์ เข้าพบ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้กระทรวงยุติธรรม คุ้มครองพยาน หลังถูกขู่ฆ่าจากการออกมาแจ้งความเปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า สายไหมต้องรอดได้พาสองผู้เสียหาย อายุ 35 และ 26 ปี หลังถูกหลอกให้ไปทำงานที่ฟิลิปปินส์ โดยทั้งคู่ได้เสิร์ชหางานในเฟซบุ๊ก แล้วไปเจอเพจชักชวนทำงานที่ต่างประเทศ โดยอ้างว่าถูกกฎหมาย พอมีการพูดคุยเรื่องค่าเเรงและลักษณะงาน จึงตกลงไปทำงาน แต่ความจริงที่พบคือเจ้าของงานไม่ใช่ชาวฟิลิปปินส์แต่เป็นคนจีน และยังมีคนไทยเป็นขบวนการส่งคนไปที่นั่นด้วย พอเหยื่อไปถึง กลับไม่เป็นไปตามที่ตกลง มีการให้ทำงานในลักษณะแชตชักชวนแนวโรแมนซ์ หลอกให้คนไทยลงทุน คล้ายๆ การไปเป็นคอลเซ็นเตอร์

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า โดยในวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา พอเหยื่อไปถึง ได้เข้าไปทำงาน 7 วัน จากนั้นในวันที่ 19 ส.ค. กลับไม่ตรงตามลักษณะงานที่ตกลง เหยื่อได้พยายามขอกลับประเทศไทย แต่ถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งช็อตไฟฟ้าโดยข่มขู่ว่าว่า ถ้าหากอยากกลับต้องให้ญาติไถ่ตัว 100,000 บาท ถ้าไม่มีเงินค่าไถ่ ก็จะทุบตี จับหัวกดน้ำ ถ้าสลบก็รอให้ฟื้นแล้วทุบตีอีก พร้อมจับเปลื้องผ้าแบล็กเมล์ เผื่อถ้าเหยื่อกลับไทยมาแจ้งความ จะได้ประจานเผยแพร่ให้ว่อนโซเชียลมีเดีย

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวต่อว่า วันนี้จะมอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ช่วยดูแลความปลอดภัย เพราะเหยื่อได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว โดยทางกระทรวงยุติธรรมจะช่วยเยียวยาในประเด็นของการถูกหลอกลวง และช่วยด้านกฎหมาย โดยจะให้ พ.ต.ต.สิริวิชญ์ ชาญเตชะสิทธิ์กุล ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ มาติดตามขยายผลจากขบวนการดังกล่าว และติดตามช่วยเหลือคนไทยที่ยังคงอยู่ที่นั่น พร้อมเตือนว่า การลงทุนในต่างประเทศ การชักชวนใดๆ ต้องระมัดระวังตรวจสอบก่อน อย่าเพิ่งหลงเชื่อ เพราะตนไม่อยากให้คนไทยต้องถูกขบวนการเหล่านี้หลอกลวง

ด้าน น.ส.บี (หนึ่งในผู้เสียหาย) อายุ 35 ปี กล่าวว่า เวลาที่ตนและเพื่อนๆ ร้องกลับบ้าน ก็จะถูกกักขัง ใส่กุญแจมือพร้อมกับให้โทรฯ หาญาติให้หาเงินมาไถ่ ถ้าไม่มีก็รุมตบตีกระทืบ ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ให้แก้ผ้าเพื่อแบล็กเมล์ โดยขบวนการเหล่านั้นขู่ว่า ถ้ากลับไทยแล้วมาแจ้งความ จะตามไล่ล่าฆ่าคนในครอบครัว เพราะเขาทราบที่อยู่เรา จึงอยากขอให้กระทรวงยุติธรรม ช่วยคุ้มครองเราและครอบครัว

ส่วนลักษณะการหลอกลวงนั้น น.ส.บี อธิบายว่า ลวงว่าเป็นการทำงานที่บริษัทถูกกฎหมาย มีวีซ่าถูกกฎหมาย แต่พอไปถึงกลับให้ทำงานหลอกลวงคนไทยด้วยกันเอง ให้แชตแบบโรแมนซ์ หลอกคนไทยลงทุน จึงไม่เป็นไปตามที่เคยพูดคุยกัน ตนและเพื่อนจึงไม่ประสงค์ทำ เลยถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้ มีคนไทยด้วยกันที่ถูกลวงไปทั้งหมด 6 คน แต่ตนไปเจอคนไทยที่นู่นอีก 50 คน

ขณะที่ พ.ต.ต.สิริวิชญ์ ชาญเตชะสิทธิ์กุล ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อขยายผลขบวนการนี้ทั้งในไทยและในฟิลิปปินส์ จากนั้นหากพบพยานหลักฐาน ก็จะประสานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางช่วยเหลือคนไทยที่เหลือให้ได้ และนำตัวคนไทยที่เป็นผู้จัดหา ดำเนินการเป็นนายหน้ามาดำเนินคดี พร้อมหาแนวทางป้องกันขบวนการดังกล่าวไม่ให้คนไทยถูกล่อลวงไปอีก