เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ก.ย. พ.ต.ท.พิทักษ์ เนินแสง สว.สอบสวน สภ.พัทยา ได้รับแจ้งว่ามีชาวต่างชาติตกตึกเสียชีวิต ภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในย่าน อ.บางละมุงจ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดมิเนียมหรู ริมถนนเขาทัพยา ตรวจสอบด้านข้างอาคาร ตึกซี พบร่างหญิงสาวชาวเอเชีย หน้าตาดี สวมเสื้อคอกลมสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สภาพคอหัก ขาหักทั้ง 2 ข้าง เสียชีวิตคาที่ ทราบชื่อคือ น.ส.เอเนร่า (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาวคีร์กีซสถาน ห่างจากศพ พบเงินสกุลไทยกว่า 1 หมื่นบาท ปลิวว่อนเกลื่อนพื้น ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน จึงบันทึกถ่ายภาพและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งส่งศพให้สถาบันนิติเวชวิทยา สนง.ตำรวจแห่งชาติ ผ่าชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง
จากแนวทางการสอบสวน ทราบว่าผู้ตายกระโดดลงมาจากห้องพัก เลขที่ 485/69 ชั้นที่ 7 จึงนำกำลังขึ้นไปตรวจสอบ ซึ่งภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สิน และพบยาปฏิชีวนะ ประเภทต้านไวรัส ยาฆ่าเชื้อ และยาคลื่นไส้อาเจียน ระบุชื่อของผู้ตาย จ่ายยาโดยโรงพยาบาลบางละมุง เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา วางอยู่ข้างเตียง ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่พยานเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ได้ยินเสียงสิ่งของตกลงมากระแทกพื้นดังสนั่น จะพากันวิ่งมาดู ก็พบว่าผู้ตายนอนดิ้น หายใจรวยริน จึงรีบแจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือ แต่ผู้ตายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก่อนกู้ภัยจะมาถึง ท่ามกลางความแตกตื่นของลูกบ้านคอนโดฯ อีกทั้งยังพบเงินปลิวเกลื่อนพื้นใกล้กับศพผู้ตาย ลักษณะก่อนจะกระโดดตึก ผู้ตายได้โปรยเงินก่อน แล้วกระโดดตามลงมา
เบื้องต้นจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ตายมาพักกับเพื่อนชายชาวเยอรมัน ภายในห้องพักที่เกิดเหตุได้ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยชาวเยอรมันรายนี้ เล่าเพียงว่า รู้จักกับผู้ตาย เพราะเป็นเพื่อนของแฟนสาวชาวคีร์กีซสถาน โดยก่อนหน้านี้ผู้ตายอ้างว่า มาขอพักอาศัยหลบภัย เนื่องจากถูกแก๊งชาวจีนตามล่า แต่ไม่ทราบว่าสาเหตุใด
ด้านตำรวจเปิดเผยข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผู้ตายได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ว่าถูกชาวจีน ชาย-หญิง หลอกมาประเทศไทย โดยอ้างว่าจะพามาทำงานที่พัทยา แต่พอเข้าจริงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี ก่อนจะหนีตายมาแจ้งความกับตำรวจ และถูกส่งตัวไปให้แพทย์ รพ.บางละมุง ตรวจร่างกาย ก่อนที่ผู้ตายมาฆ่าตัวตายดังกล่าว โดยตำรวจก็ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการฆ่าตัวตายที่แน่ชัด ส่วนก่อนตายที่มีการแจ้งความไว้ ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมส่งทีมสืบสวน ลงพื้นที่หาข่าว พร้อมทั้งประสานสถานทูต เร่งคลี่คลายปมสาเหตุในครั้งนี้แล้ว
