เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปลัด ศธ.คนใหม่ แทน ดร.สุภัทร จำปาทอง อดีตปลัด ศธ. ที่เกษียณอายุราชการไปเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมานั้น แม้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะมีโครงสร้างการบริหารงานในรูปแบบแท่ง หรือองค์กรหลัก ศธ. แต่ก็ไม่เป็นอุสรรคต่อการขับเคลื่อนงาน เพราะหน้าที่หลักของสำนักงานปลัด ศธ. เราต้องทำงานให้เชื่อมโยงบูรณการกับทุกหน่วยงานในสังกัด เพื่อให้เกิดการพลิกโฉมการศึกษา เนื่องจาก น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ มีข้อสั่งการว่า อยากให้มีการพลิกโฉมการศึกษาแบบบูรณการทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมให้ได้
นายอรรถพล กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในส่วนของผู้ตรวจรชการ ศธ. ศึกษาธิการภาค (ศธภ.) และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) จะต้องมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการนำนโยบายของ ศธ.และ รมว.ศธ.ลงสู่การปฏิบัติ เพราะเปรียบเสมือนผู้นำการศึกษาในระดับพื้นที่ โดยผู้ตรวจราชการ ศธ. จะต้องลงพื้นที่ติดตามนโยบายต่างๆ ในขอบเขตตรวจราชการที่ตัวเองรับผิดชอบ ว่านโยบายในแต่ละด้านเดินหน้าไปมากน้อยแค่ไหน หรือติดปัญหาอุปสรรคอะไรหรือไม่ เพื่อสรุปเป็นข้อมูลรายงานให้ รมว.ศธ.ได้รับทราบทุกสัปดาห์ ขณะที่ บทบาทของ ศธจ.และ ศธภ. จะต้องมีมาตรการให้สถานศึกษาได้นำปฏิบัติ โดยเฉพาะนโยบายด้านความปลอดภัยในโรงเรียน รวมถึงนโยบายเร่งด่วนของ รมว.ศธ.ด้วย อีกทั้งจะต้องบูรณการการทำงานกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อให้นโยบายด้านการศึกษาเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
“สำหรับงาน กศน. ผมจะต้องมาดูว่าบทบาทของ กศน.ได้ขับเคลื่อนงานตอบโจทย์ในพื้นที่มากน้อยแค่ไหน รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยว่า มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้วอย่างตรงจุดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในเร็ว ๆ นี้ผมจะประชุมหน่วยงานในสังกัด เพื่อวางแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป” นายอรรถพล กล่าว.