สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ว่า ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลเวเนซุเอลาปล่อยตัวพลเมืองสหรัฐ 7 คน ซึ่งถูกควบคุมตัว “อย่างไม่เป็นธรรม” เป็นเวลานานหลายปี จากจำนวนดังกล่าว 5 คน เป็นผู้บริหารของบริษัทซิตโก ปิโตรเลียม ส่วนอีกสองคน คือ นายแมทธิว ฮีธ อดีตนาวิกโยธิน และ นายออสมาน ข่าน ชาวชาวอเมริกัน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่รัฐฟลอริดา


ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ของรัฐบาลวอชิงตันระบุถึง การปล่อยตัว “พลเมืองเวเนซุเอลาอายุน้อย” 2 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในสหรัฐ โดยสื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานเพิ่มเติมว่า คือ นายฟรานซิสโก ฟลอเรส เดอ ไฟรตาส และ นายอีเฟรน อันโตนิโอ กัมโปส ฟลอเรส ทั้งคู่เป็นหลานชายของ นางซิเลีย ฟลอเรส ภริยาของประธานาธิบดีนิโคลาส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา ทั้งสองคนถูกจับกุมที่เฮติ เมื่อปี 2558 ในปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดข้ามชาติของสหรัฐ และศาลพิพากษาให้รับโทษจำคุก 18 ปี ฐานลักลอบลำเลียงโคเคนเข้าสู่สหรัฐ


ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐและเวเนซุเอลา กล่าวตรงกันว่า การแลกตัวนักโทษครั้งนี้ เกิดขึ้น ณ “สนามบินแห่งหนึ่งของประเทศที่สาม” และเป็นผลจากการเจรจาลับหลังนานหลายเดือน


อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อเดือน มี.ค. ปีนี้ คณะผู้แทนของรัฐบาลวอชิงตันเดินทางมายังกรุงการากัส ซึ่งหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นผลจากการวิ่งเต้นเบื้องหลังของหลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มล็อบบี้ยิสต์ด้านพลังงาน ผู้บริหารบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ และนักการทูตบางกลุ่ม ซึ่งต้องการให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน “ซ่อมแซม” นโยบายกับเวเนซุเอลา ที่ล้มเหลวในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางวิกฤติพลังงานโลก จากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเคนที่ยืดเยื้อมานานกว่าครึ่งปีแล้ว.

เครดิตภาพ : REUTERS