จากกรณีเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์เก๋งไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน พุ่งชนท้าย จยย.ฮอนด้า เวฟ 110 สีเขียว ทะเบียน กรก 902 ตรัง เป็นเหตุให้ นายสุเทพ ฝุกล่อย หรือ โกอิ้น อายุ 59 ปี พ่อครัวโรงทานศาลเจ้าพ่อหมื่นราม พุ่งกระเด็นมานอนกลางถนน ก่อนจะถูกรถเก๋ง โตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กธ 6249 ตรัง ที่ขับสวนมาอีกเลนชนร่างปลิวเสียชีวิต ขณะที่ นายอรุณ ศรีสุข หรือลุฟ อายุ 59 ปี หัวหน้าพ่อครัวศาลเจ้าพ่อหมื่นราม ที่ซ้อน จยย. มาด้วยได้รับบาดเจ็บ โดยฝ่ายเก๋งที่ชน จยย. คันแรก ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดบริเวณถนนรัษฎา ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เวลาประมาณ 02.30 น. วันที่ 1 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองรายหนึ่งว่า มีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพรถเก๋งที่ชนแล้วหนีไว้ได้แล้ว เป็นรถฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี โดยภาพมองเห็นช่วงที่รถชน จน จยย. ปลิวกระเด็นไปอีกฝั่งถนนอย่างชัดเจน ขณะนั้นพบว่า นายสุเทพ ยังคงมีสติและพยายามจะพาตัวเองออกจากถนน แต่ก็ไม่ทันการ เจอรถอีกฝั่งซึ่งขับมาด้วยความเร็วสูงชนลากร่างไปไกลกว่า 50 เมตร เสียชีวิตคาที่ จังหวะนั้นทำให้คนขับรถซีอาร์วี เป็นชายอายุประมาณ 40-45 ปี แต่งกายดูดี เดินลงมาจากรถ และพูดคุยกับนายอรุณ ซึ่งเป็นคนซ้อนท้าย ก่อนจะขับหลบหนีหายไป

ด้าน นายอรุณ ให้การอ้างว่า ตนบาดเจ็บมีบาดแผลทั่วตัว ก่อนเกิดเหตุนั่งซ้อนท้าย จยย. ผู้ตาย จะไปทำอาหารที่ศาลเจ้าพ่อหมื่นราม ขณะนั้นเปิดไฟเลี้ยวกลางถนนแล้ว ปรากฏว่า รถซีอาร์วีขับพุ่งตามหลังมา ทั้งที่ตนยกมือให้สัญญาณขอทาง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจพุ่งมาชนเต็ม ๆ ร่างปลิวไปตามแรงปะทะ จังหวะตนฟื้นได้สติ พยายามมองหาผู้ตายที่อยู่อีกฝั่งถนน ปรากฏว่ารถอีกฝั่งพุ่งชนลากร่างของผู้ตายติดใต้ท้องไปแล้ว ฝ่ายคนขับรถซีอาร์วี ซึ่งสวมแว่นสายตา ลงมาจากรถคล้ายคนเมา (ได้กลิ่นเหล้า) เข้ามาถามว่า เป็นยังไงบ้าง ตนจึงบอกให้กับคนขับว่า “คุณอยู่นี่ก่อน เดี๋ยวผมไปหาเพื่อนก่อน” พอตนเดินไปดูผู้ตาย คนขับรถซีอาร์วีก็ขับหลบหนีไปแล้ว

ขณะที่ นายสราวุฒิ อายุ 35 ปี และ นายเทพอรุณ ฝุกล่อย อายุ 31 ปี ลูกชายของนายสุเทพ กล่าวทำนองว่า อยากให้ตำรวจจับกุมคนที่ขับรถซีอาร์วีให้ได้ สำหรับประเด็นที่คนขับรถชนพ่อแล้วลากร่างไปกับถนน ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อบางสำนักว่า ไม่ได้ตั้งใจชนเพราะคิดว่าเป็นขยะตกหล่นกลางถนนนั้น พบว่าจุดเกิดเหตุมีแสงสว่างชัดเจน หากไม่ขับรถเร็วก็ต้องหลบหลีกได้ทัน เชื่อว่าเป็นการขับรถโดยประมาทอย่างแน่นอน.
