หวานหนักแถมเสิร์ฟโมเมนต์สวีทจนหลายคนอิจฉาสำหรับคู่ของหนุ่ม บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ กับสาว เฟย์ พรปวีณ์ ที่น่ารักและเคมีเข้ากันสุดๆ โดยงานนี้ หนุ่มบอย มาเล่าถึงเส้นทางการจีบเฟย์มาเป็นแฟน คนนี้จริงจังถึงขั้นเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แม่ก็โอเค แถมยังอยากให้มีครอบครัว อยากอุ้มหลาน โดย หนุ่มบอย เล่าหมดในรายการคุยแซ่บ SHOW แบบจัดเต็ม
บอย เผยว่า “ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะมองว่าผมเป็นคนที่ต้องมีคนคุยตลอดเวลาแน่นอน ผมไม่ได้คุยกับคนเยอะเหมือนที่ทุกคนเข้าใจ ที่ผ่านมาแน่นอนก็มี แต่สุดท้ายมันไม่ได้พัฒนาต่อเป็นแฟน มันแค่เริ่มต้นยังไม่ได้มีใครมาถามเราบ้าง หรือยังไม่ได้มีใครรับรู้ มันจบไปก่อน ก็ไม่ได้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ถามว่าถ้าไม่ใช่เฟย์ยากไหมเข้ามาในชีวิตผม ไม่ได้ยากเลยครับ ผมเป็นคนเปิดๆ ง่ายๆ เหมือนที่ทุกคนรู้ แต่ก่อนหน้านี้ผมอาจจะยังไม่ได้มีใคร อาจจะการทำงานด้วย จังหวะเวลาด้วย มีบางช่วงด้วยที่ผมติสต์ขึ้นมาอยากอยู่คนเดียว 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ชอบใช้ชีวิตคนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีคนข้างกาย แค่บางทีเพื่อนยังเฉยๆเลย อยากกินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว ตอนนั้นเฉยๆ ถ้าจะรู้สึกบ้างในบางทีก็มี เช่น เวลาไปดูหนังเห็นคนข้างหน้ามีคนมาดูด้วย หรือบางทีขับรถอยู่หันไปข้างๆถ้ามีคนคุยด้วยตอนนี้ก็น่าจะดีนะ รู้สึกแค่นี้ แต่ตอนนั้นปล่อยให้เป็นไปตามกฎธรรมชาติ ถ้าเกิดเดี๋ยวเกิดเอง”

“ที่เฟย์เข้ามาได้ ถ้าพื้นฐานความคิดผม ชีวิตคนเรามันจะสมบูรณ์ได้ต้องมีคู่ มีคนที่อยู่ข้างๆ วันหนึ่งมีลูกคือชีวิตที่สมบูรณ์ละตอบโจทย์ทุกอย่าง ช่วงที่ผ่านมาอาจจะเรื่องงานหรือเรื่องอะไรที่ทำให้ผมคิดว่าอยู่คนเดียวได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร สบายอิสระด้วย เราไม่ต้องคอยเป็นห่วงใคร สุดท้ายแล้วมันก็วนเข้ามาว่าคนเราต้องมีคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยอายุด้วย ช่วงที่ผ่านมารู้สึกว่าถึงเวลาต้องเปิดให้ตัวเองมีเวลามากขึ้นกับเรื่องตรงนี้ เค้าไม่ได้เข้ามา ผมไปเข้าหาเค้าเอง จุดเริ่มต้นผมกับเฟย์รู้จักกันบ้างอยู่แล้ว คนทำงานในวงการอะเนาะ ที่เรารู้สึกว่าชอบเฟย์ เราชอบความพอดีในตัวเค้า พอดีทุกอย่างทั้งไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต การแต่งตัว การพูดจา เค้าเป็นคนกลางๆ เรื่องจีบพอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะต้องเปิดตัวเองมากขึ้น เปิดใจไม่เยอะหรอก เปิดเวลามากขึ้น เคลียร์ทุกอย่างให้กับตัวเองมากขึ้น คนที่พูดข้างหูอยู่ตลอดคือแม่ แม่อยากให้มีแฟน เค้าอยากอุ้มหลาน ก่อนไปถึงตรงหลานก็ต้องมีแฟนก่อน เค้าอยากให้เรามีคนที่คอยอยู่ข้างๆเรา เป็นคู่คิดเรา คนที่เราให้คำปรึกษาได้ เรารู้สึกว่าอายุเท่านี้แล้วจะรอใครเข้ามาก็ยากนะ มันมาในจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะ”

บอย เล่าต่อว่า “ผม DM ไปหาเขา รู้จักกันแต่ไม่ได้สนิทถึงขั้นมีไลน์มีเบอร์ เราฟอลโลว์อินสตาแกรมซึ่งกันและกัน เราคิดว่าต้องพุ่งเข้าหาใครเองแล้วแหละจะมารอไม่ได้หรอก ถ้าจะเข้าเราต้องชัดเจนไปเลย เดี๋ยวนี้คนชอบความชัดเจน รู้จักอยู่แล้วก็ทักไปเลยแล้วกัน บอกว่า พี่บอยเองนะ ประโยคแรกคุยกับเขา ประโยคนั้นผมนั่งอยู่กับมันประมาณครึ่งวันเหมือนกันนะ เกลามัน คร่าวๆได้ 5-6 บรรทัด มีทักทายไปก่อนทำนองว่าบอกเค้าว่า เราอยากทำความรู้จักกับเค้าให้มากขึ้น เค้าอย่าเพิ่งตกใจนะที่ทักมา ซึ่งเค้าเองไม่ต้องอึดอัดใจถ้าไม่สะดวกบอกเราได้เลย เค้าไม่อ่าน เราเลยมีอีกช่องทางหนึ่งทวิตเตอร์ เค้าก็ยังไม่อ่าน จนวันนี้เค้าก็ยังไม่อ่าน เราเลยลบในไอจีออกแล้วส่งใหม่ให้มันเด้งขึ้นไปที่หน้าเค้าใหม่ เค้าก็อ่านครับ พอเค้าอ่านเค้าก็บอกโอเค ลองค่อยๆเป็นค่อยๆไป”

“เราโอเคนะ อย่างน้อยด่านแรกเราก็ไม่ทำให้เค้ากลัวหรือตกใจ อันนี้คือสิ่งที่เรากลัวนะ เพราะคนแบบบอย ปกรณ์ ทักมาดูจู่โจมหรือเปล่า เดี๋ยวกลัว ที่ผมบอกเกลาประโยคนี้อยู่นานเพราะผมไม่อยากให้เค้ากลัวเวลาผมทักไป ก็คุยในอินสตาแกรมมาเรื่อยๆ 2-3 อาทิตย์ได้ ตอนนั้นยังไม่มีเบอร์ แล้วก็ค่อยขอไลน์ ผมเวลาจีบผู้หญิง ค่อยเป็นค่อยไป เขินมาก แต่ก่อนนี่ไม่ค่อยกล้าเลย ถ้าจะขยับไปจีบแล้วรู้สึกประหม่า พอมากับเฟย์ความเขินน้อยลง เรารู้สึกว่าเราโตขึ้นแล้วด้วย เรารู้สึกว่าเราต้องชัดเจน แสดงถึงความจริงใจให้เค้าเห็น แม่ไม่หวง พอบอกแม่ แม่เค้าก็ยิ้ม ผมกับเฟย์พอเริ่มมีไลน์ มีเบอร์กัน พอเราคุยโทรศัพท์กลางคืน เริ่มมีวิดีโอคอลบ้าง ผมใช้แอปเปิลไอดีเกี่ยวกับของพัด เพราะว่าเราทำไม่เป็นโลว์เทค บางทีผมโทรฯคุยกันอยู่พูดๆกันอยู่ เสียงเฟย์หาย จังหวะนั้นคือพัดใช้แอร์พอดเสียงเฟย์ก็ไปเข้าที่หูพัด พัดก็คุ้นๆว่าเสียงใครเพราะพัดรู้จักเฟย์อยู่แล้ว ตอนนั้นไม่บอกที่บ้าน ยิ่งเป็นน้องชายไม่คุยกันเรื่องนี้ เฟย์ก็กดวางก็ไม่มีอะไร แต่วันต่อมาพัดพูดที่โต๊ะกินข้าวนิดนึงว่า เมื่อคืนตอนกลางคืนมีใครใช้โทรศัพท์มั้ย มีเสียงใครไม่รู้มาเข้าที่หูเค้า เราก็เงียบๆนิ่งๆ ผ่านไปอาทิตย์นึงผมคุยกับเฟย์สายหลุด เฟย์โทรฯกลับมามันไปเด้งที่เครื่องพัดอีกอะไรยังงี้ ผมก็นิ่งๆอีก จนสุดท้ายผมเฉลยเองว่า มันคือเสียงเฟย์”
“ขอเป็นแฟนที่ร้านอาหาร ผมเป็นคนที่ไม่พิธีรีตองอะไร ง่ายๆสบายๆ ไม่ชอบเตรียมตัวมาก เตรียมตัวแล้วตื่นเต้น แล้วมันจะคาดหวัง ที่ผมขอเฟย์เป็นแฟน ผมซื้อกลับบ้านนั่งรอเบอร์เกอร์ด้วยกัน ต่างคนต่างไม่เล่นมือถือ นั่งคุยกันทั่วๆไป ผมรู้สึกว่าจังหวะนี้แหละก็ขอ พูดโต้งๆขึ้นมาเลยว่า เป็นแฟนกันมั้ย ไม่มีเกริ่นด้วย เค้าก็มีอึ้งไปนิดนึง ตรงนี้เลยเหรอ ตอนนี้เลยเหรอ มันก็ผ่านกระบวนการกลั่นกรองในหัวผมมาสักพักนึงแล้วว่า มันถึงระยะเวลาที่พอเหมาะพอควรแล้ว เค้าก็โอเคครับ เรื่องแต่งงานเพิ่งคบกันมันก็ไกลไป คบกับเฟย์เราจริงจัง ผมก็มองยาวอยู่แล้ว ถ้าคู่กันไปเรื่อยๆอย่างนี้ ผมก็มองยาวอยู่แล้ว เรื่องข่าวแก๊งผมทะเลาะกัน เคยทำรายการด้วยกัน ผมว่าคนทำงานด้วยกันมีหมดแหละ เถียงกันทะเลาะกัน คราวที่แล้วจบซีซั่นแรกก็แยกย้ายกันไป มันก็มีแหละมีปัญหาจริงๆเรื่องคิว มันยาก ปัญหาเถียงกันมีบ้าง ไม่ถึงขั้นเลิกคบ พอรายการเลิกทำ ก็ยังไปกินข้าวกันปกติ “

“จุดเริ่มต้นไม่ถึงว่าผมเป็นคนแรก ผมเป็นคนเริ่มชวนดีกว่า ผมนั่งดูยูทูบเรื่อยๆ มันตลกนึกถึงโมเมนต์เก่าๆ ที่รวมตัวกันไป เดือนหนึ่งเจอกันครั้งสองครั้ง ปกติแล้วอาชีพตรงนี้รวมตัวกันยาก ต่างคนต่างไปถ่ายละครโน่นนี่ รวมตัวถ่ายรายการเสร็จก็ไปกินข้าวกัน นั่งด่านั่งแซวกัน รู้สึกว่าคิดถึง ตอนนี้รายการถ่ายแล้ว เริ่มออนแอร์ไปแล้ว หลักๆนี้เป็นวาไรตี้ที่มีสาระเหมือนเดิม เพราะรายการชื่อคนดีที่ไหน มันมี 2 ความหมาย คือ เราจะไปหาคนดีได้ที่ไหน ทำดีได้ที่ไหน กับอีกความหมายก็คือ 5 คนนี้ คนดีที่ไหน ไม่ใช่คนดีหรอก เน้นการเล่นเกม สุดท้ายไปทำดีด้วยกัน”