สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวถึงสถานการณ์สู้รบกับรัสเซีย ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่าครึ่งปีแล้ว ว่าการส่งเสริมศักยภาพและประสิทธิภาพให้กับระบบป้องกันทางอากาศ “เป็นเรื่องจำเป็นที่สุดในเวลานี้” สำหรับกองทัพยูเครน และแสดงความหวังจะได้รับความสนับสนุนเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวจากสหรัฐ


ขณะเดียวกัน เซเลนสกีประกาศว่า ยูเครน “พร้อมดำเนินการทุกวิถีทาง” เพื่อยกระดับขีดความสามารถของกองทัพ และประณามการที่กองทัพรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศแบบปูพรม ถล่มเมืองใหญ่ 8 แห่งทั่วยูเครน รวมถึงกรุงเคียฟ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 12 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก


ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ว่ากองทัพปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายในยูเครนจากระยะไกล “ครั้งใหญ่” เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลเคียฟอยู่เบื้องหลัง เหตุระเบิดรถบรรทุกบนสะพานเคิร์ช ซึ่งเชื่อมระหว่างคาบสมุทรไครเมียกับแผ่นดินใหญ่รัสเซีย เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และพื้นที่บางส่วนของสะพานพังทลาย

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียเผยภาพ เรือรบลำหนึ่งยิงขีปนาวุธเพื่อโจมตีเป้าหมาย


นอกจากนี้ ปูตินยืนยันว่า “การโจมตีตอบโต้ของรัสเซียจะหนักข้อขึ้น” หากยูเครนยังไม่ยุติความพยายามสร้างความเสียหาย ให้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัสเซีย เนื่องจาก “เป็นไปไม่ได้เลย” ที่รัฐบาลมอสโกจะวางเฉยกับเรื่องนี้.

เครดิตภาพ : REUTERS