สำนักข่างรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ว่า ไอซ์แลนด์ มีคะแนนสูงสุดโดยรวมเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน สำหรับระดับผลประโยชน์เงินบำบาญของภาครัฐและเอกชนที่มีอยู่, ความยั่งยืนของระบบบำนาญที่สามารถอยู่ต่อไปได้อีกหลายทศวรรษในอนาคต และคุณภาพของธรรมาภิบาล ตามผลการสำรวจของ “เมอร์เซอร์” บริษัทที่ปรึกษาด้านเงินบำนาญ

ขณะที่ สหราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ในตาพายุเงินบำนาญเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของพันธบัตรส่งผลให้ภาคส่วนนี้เปิดรับความเคลื่อนไหวของตลาดมากเกินไป มีอันดับที่ตกลงต่ำกว่าหลายประเทศในยุโรป รวมถึงออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ด้วย

อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรยังคงมีคะแนนที่สูงกว่าสหรัฐ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเหมาะสมของข้อกำหนดในการเกษียณอายุ และความสมบูรณ์ของระบบบำนาญ

ทั้งนี้ ผลสำรวจทำการเปรียบเทียบระบบเงินได้เมื่อเกษียณอายุ 44 ระบบทั่วโลก และครอบคลุมประชากรโลกราว 65% ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันซีเอฟเอของเมอร์เซอร์ กับโรงเรียนธุรกิจโมนาชของมหาวิทยาลัยโมนาช

“ผู้คนทั่วโลกมีความรับผิดชอบมากขึ้น ในการออมเงินเกษียณอายุของพวกเขามาระยะหนึ่งแล้ว ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อระดับสูง, อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น พวกเขากำลังทำเช่นนั้นในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและผันผวนมากขึ้น” นายเดวิด น็อกซ์ หุ้นส่วนอาวุโสจากเมอร์เซอร์ และผู้เขียนนำของการสำรวจ กล่าว

“ผู้กำหนดนโยบายต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่า แผนงานเกษียณอายุจะได้รับการสนับสนุน, การพัฒนา และการกำกับดูแลที่ดี” น็อกซ์ กล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES