สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไทเป สาธารณรัฐจีน เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ว่า ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันออกแถลงการณ์ว่า การรักษาเสถียรภาพและสันติภาพของช่องแคบไต้หวัน เป็นภารกิจที่ต้อง “ปฏิบัติร่วมกันทั้งสองฝ่าย” และว่า “การเผชิญหน้ากันบนสมรภูมิไม่ใช่ทางออก” พร้อมทั้งยืนกรานว่า ไต้หวันไม่มีทางยอมรับหลักการบริหารแบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”


ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลไทเป ไม่เหนือความคาดหมาย และเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงเปิดการประชุม สมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ครั้งที่ 20 ณ มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่าการแก้ไขสถานการณ์เกี่ยวกับไต้หวัน “เป็นกิจการภายในของจีน” และ “ชาวจีนเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินใจ”

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน แถลงเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ครั้งที่ 20 ที่กรุงปักกิ่ง


แม้สียืนยันว่า รัฐบาลปักกิ่งยึดมั่นกับแนวทาง “การรวมชาติตามแนวทางสันติวิธี” อย่างไรก็ตาม “หากมีความจำเป็นในระดับสูงสุด” รัฐบาลปักกิ่งไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการทางทหาร “ซึ่งเป็นความชอบธรรม” เพื่อป้องกัน “การแทรกแซงจากกองกำลังภายนอก” และยับยั้ง “ความพยายามแบ่งแยกดินแดน” ที่เป็นการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มคนส่วนน้อย”


ขณะที่ประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน แถลงสุนทรพจน์เนื่องในวันสถาปนาสาธารณรัฐจีน ตรงกับวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลไทเป “เสียใจเป็นอย่างยิ่ง” ต่อการที่รัฐบาลปักกิ่งยกระดับการข่มขู่และคุกคาม สันติภาพตลอดจนเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค


ไช่เน้นย้ำว่า ความขัดแย้งด้านอาวุธไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม การเจรจาต้องเกิดขึ้นบนพื้นฐานสำคัญที่ว่า รัฐบาลปักกิ่งให้เกียรติและมีความเคารพต่ออธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นประชาธิปไตยของไต้หวันเท่านั้น มิเช่นนั้น “ไม่มีการประนีประนอมอย่างเด็ดขาด” และประกาศว่า ไต้หวันพร้อมยืนหยัดเพื่อพิทักษ์อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของตัวเอง.

เครดิตภาพ : REUTERS