เมื่อวันที่ 27 ต.ค. หมอสอง หรือ นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ในกรณีที่ตนถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ ที่คลินิกศัลยกรรมตกแต่งนพรัตน์ (ncc clinic) ซอยพระรามเก้า 57 หมอสอง เปิดเผยถึงวินาทีที่ถูกควบคุมตัวในขณะเดินทางที่ประเทศมาลี พร้อมเล่าถึงการใช้ชีวิตขณะที่ถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานถึง 25 วัน จนกระทั่งมีการประสานงานต่างๆ จนทำให้สามารถรอดชีวิตกลับมายังประเทศไทย

หมอสอง เปิดเผยว่า ตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดปัญหาแบบนี้ โดยช่วงเกิดเหตุกำลังท่องเที่ยวอยู่ระหว่างประเทศบูร์กินาฟาโซเข้าสู่ประเทศมาลี ช่วงที่งีบหลับ ได้ยินเสียงปืนปังๆๆๆ ดังมาก จนรถชะลอความเร็ว เพราะกระสุนอาจไปโดนอะไรบางอย่างจนเร่งเครื่องไม่ได้ จากนั้นขับไปอีกนิดหนึ่ง เจอคนถือปืนจ่ออยู่ บังคับให้กลับรถกลับไปจุดเดิม เมื่อวนรถกลับมาถึงจุดที่แรกที่เสียงปืนดัง เขาถูกบังคับให้ลงจากรถ จากนั้นมีคนถือปืนวิ่งเข้ามาบังคับให้นั่งคุกเข่ากับพื้น เอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย ใช้ผ้าผูกตา มัดข้อมือ ขับรถพาตัวเข้าไปในป่า และต่อด้วยรถจักรยานยนต์ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ผ่านป่า ผ่านทุ่ง ผ่านไร่ข้าวโพด รวมถึงหมู่บ้านเล็กๆ จนจำทางไม่ได้ และไม่รู้ว่าตัวเองถูกกักตัวด้วยสาเหตุอะไร

สำหรับชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ตลอด 25 วัน หมอสอง เล่าว่า เขามีเสื่อให้ผืนหนึ่ง กลางวันต้องนอนใต้ต้นไม้ แดดลงตรงไหนก็ต้องขยับหนีวนไป ส่วนตอนกลางคืนนอนในเต็นท์เล็กๆ ฝนตก ลมพัดแรง เต็นท์ก็ปลิวเฉอะแฉะไปหมด ไม่ค่อยได้อาบน้ำ ตัวสกปรกมาก ส่วนอาหารเขาก็พยายามหาอาหารที่ดีมาให้รับประทาน แต่บางวันก็ต้องกินแต่ข้าวเปล่า นอกจากนี้หมอสองยืนยันว่า ตนไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายตามที่เป็นข่าว ในแต่ละวันตนเครียดทุกวินาที ซึ่งตนมีความหวังว่า ยังไงต้องได้ออกมา เพียงแต่ว่าจะได้ออกมาช้าหรือเร็ว ผ่านไป 2 สัปดาห์ หัวหน้าเขาก็มาเจรจา แต่ไม่ขอระบุเรื่องเงิน ส่วนตัวคิดว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย ที่ตนสามารถมีชีวิตและรอดกลับมา

ขณะที่การเจรจาต่อรอง ซึ่งภาษาที่ใช้ต้องแปล 5-6 ภาษากว่าจะรู้เรื่อง โดยตนใช้ทุกวิถีทางในการเจรจา ไม่ว่าจะบอกว่า ตนเป็นหมอธรรมดา ไม่ได้เป็นนักธุรกิจและมีโรคประจำตัว จนกระทั่งเขาให้โอกาสในการโทรฯ หาแม่ และเฟรนช์ฟรายส์ แฟนสาว เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ทุกคนระดมสมองมาช่วยเหลือตน โดยส่วนใหญ่จะใช้ what app ในการเจรจา โดยเฉพาะแฟนสาวที่ช่วยในเรื่องการดำเนินการทั้งสิ้น 3 วัน จนได้รับการปล่อยตัว และในส่วนลึก ตนยังตั้งเป้าที่อยากจะไปเที่ยวให้ครบทุกประเทศทั่วโลกอยู่ ส่วนเรื่องการดำเนินการเรียกร้องความเสียหาย ส่วนตัวคิดว่าทำได้แต่คงไม่ได้อะไร เพราะไม่ทราบว่าเป็นใครและไม่สามารถทราบตามตัวได้