สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ร่วมงานเสวนาด้านนโยบายต่างประเทศของสโมสรวัลได ในกรุงมอสโก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่า ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน “ยังคงเป็นไปตามแผนการ” และเขามีความเสียใจ ตลอดจนเห็นอกเห็นใจกับครอบครัวชาวรัสเซีย ซึ่งสูญเสียบุตรหลานที่ร่วมการสู้รบในยูเครน


ปูติน กล่าวต่อไปว่า “บรรดาปรปักษ์จากตะวันตก” กำลังเผชิญกับภาวะ “ล่มสลายของความเป็นมหาอำนาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” และตำหนิการที่ “ผู้นำโลกเสรีนิยมตะวันตก” ร่วมกันทำลาย “ค่านิยมดั้งเดิมของโลก” ก่อนวกกลับมาที่เรื่องสงครามยูเครน กล่าวหารัฐบาลเคียฟและตะวันตก “จับมือกันเล่นเกมสกปรก อันตราย และนองเลือด” จนสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก


เกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า รัฐบาลมอสโก “ไม่เคยข่มขู่” เรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่พร้อมตอบโต้ต่อ “การกรรโชก” จากตะวันตกเท่านั้น และเน้นย้ำว่า ยูเครนกำลังเตรียมการใช้ระเบิดกัมมันตรังสี หรือ “เดอร์ตีบอมบ์” เพื่อยกระดับความรุนแรงของสงคราม


ปัจจุบัน รัสเซียและสหรัฐครอบครองหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลกตามลำดับ โดยปริมาณหัวรบนิวเคลียร์ที่ทั้งสองประเทศมีอยู่นั้น รวมกันเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมดบนโลก จึงมีการวิเคราะห์ว่า หากทั้งสองประเทศไม่สามารถร่วมกันรักษาแนวทางของสนธิสัญญาระดับทวิภาคี ว่าด้วยการลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ ที่เรียกกันว่า “นิว สตาร์ต” หรือจัดทำข้อตกลงฉบับใหม่ทดแทนได้ อาจทำให้การแข่งขันด้านอาวุธระหว่างสองมหาอำนาจยิ่งทวีความรุนแรง.

เครดิตภาพ : REUTERS