เมื่อวันที่ 4 พ.ย. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผบก.สส.บก.ตม.4 ร่วมแถลงผลการระดมจับกุมบุคคลต่างด้าว, หลบหนีเข้าเมือง, อยู่เกินกำหนด, ติดตามผู้กระทำความผิด และขยายผลการจับกุม รวมทั้งสิ้น 5 คดี

โดยคดีที่ 1 ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายบุน ซู (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี ชาวเกาหลี โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ว่า ผู้ต้องหาเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจเกาหลี มีพฤติการณ์ฉ้อโกง หลอกลวงเพื่อนร่วมชาติ โดยอ้างว่าตนเองเปิดร้านเอาต์เลตในกรุงเทพฯ ประมาณ 30 แห่ง ถ้าผู้เสียหายส่งเสื้อผ้าจากเกาหลีมาไทย จะขายได้ในราคา 3-15 เท่า ของราคาเดิม ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ ตั้งแต่เดือน พ.ค. 59 ถึงเดือน มี.ค. 60 รวม 36 ครั้ง สูญเงินกว่า 3,558 ล้านวอน คิดเป็นเงินไทย 100 ล้านบาท ตำรวจจึงสืบสวนจนทราบแหล่งพำนัก ก่อนจะเข้าจับกุมได้ในที่สุด

คดีที่ 2 ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายมาร์โก้ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ชาวออสเตรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ทางสหภาพยุโรปต้องการตัว ในคดีความผิดฐานฉ้อฉลล้มละลาย และฐานความผิดฉ้อโกงประกันสังคม รวมความผิดกว่า 7 กระทง จนสามารถสืบทราบว่า ผู้ต้องหาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.พังงา จึงประสานงานกับ ตม.จว.พังงา เพื่อจับกุม และส่งกลับสาธารณรัฐออสเตรีย ต่อไป

คดีที่ 3 ตำรวจ PCT และ สตม. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งเว็บพนันชาวจีน จับผู้ต้องหาเป็นคนจีนได้ 56 คน โดยใช้ชื่อเว็บพนัน เห่อซิง และคายยุน ใช้พื้นที่สวนหลวง และหัวหมาก ในการทำงานเป็นแอดมินเว็บพนัน พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท โดยทั้งหมดเข้ามาในประเทศด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว ก่อนมาร่วมกันกระทำความผิด โดยจะได้ค่าจ้างคนละ 40,000-70,000 บาท ตำรวจจึงจับกุมทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การพนัน ต่อไป

คดีที่ 4 เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.3 จับกุมต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งสิ้น 88 คน ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ มาจากการขยายผลจับกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จึงทำให้มีการคุมเข้มและสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวในเขตพื้นที่

คดีที่ 5 เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.4 ร่วมกับ ตม.สุรินทร์ จับกุม นายคามาเลส (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ชาวอินเดีย ในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต 1,084 วัน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังสืบทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ แต่เดิมเคยพักอาศัยในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ก่อนจะมีปัญหากับคนในพื้นที่ จึงหนีออกไปอยู่ที่ จ.สุรินทร์ จากนั้นมีพฤติการณ์ตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพล อ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจ เรียกเก็บเงินจากเพื่อนร่วมชาติ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในที่สุด

หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด หรือต้องการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 1178 และที่เว็บไซต์ www. immigration .go.th