เมื่อวันที่ 7 พ.ย. จากกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนประกาศสำนักนายกฯ แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ 2565 เนื่องจาก ก.ตร. มีมติโยกย้ายเเต่งตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่พิจารณาเลื่อนตำแหน่ง พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 เป็น ผบช. ล่าสุด พล.ต.ต.วันไชย เปิดเผยว่า ตนในฐานะผู้ร้องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอยืนยันว่าจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ตนเองในฐานะผู้ร้อง ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะดำเนินการแบบไหน โดยส่วนตัวแล้ว การฟ้องศาลปกครองในครั้งนี้ ยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมส่วนตัว เพราะตนเชื่อมั่นว่า ตนมีความรู้ความสามารถที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง ตนครองยศ พล.ต.ต.มานาน กว่า 7 ปี และครองตำแหน่ง รอง ผบช. ถึง 4 ปีเต็ม อาวุโสเป็นอันดับ 1 ของภาค 8 และลำดับที่ 24 ของ สตช.

ด่วน! ศาลสั่งเพิกถอนประกาศสำนักนายกฯ แต่งตั้งโยกย้ายตร.2565 ไม่ชอบด้วย ก.ม.

“ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตามคำสั่งเมื่อวันที่ 7 ต.ค. มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะในการพิจารณาตำแหน่ง จำนวน 255 ตำแหน่ง โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ก็แล้วเสร็จ พฤติกรรมอย่างนี้ สมควรเรียกว่า การพิจารณาหรือไม่ เพราะถ้าหากในที่ประชุมมีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายด้วยความเป็นธรรม โดยใช้เวลาแค่ตำแหน่งละ 1 นาที ก็ต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง จึงจะแล้วเสร็จ ซึ่งลักษณะอย่างนี้บ่งบอกได้หรือไม่ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” พล.ต.ท.วันไชย กล่าว

รอง ผบช.ภ.8 กล่าวด้วยว่า ตนรับราชการมานานร่วม 30 ปี พบเห็นการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด ผู้มีหน้าที่ในการบริหาราชการแผ่นดินในระดับสูงของประเทศ ก็จะส่งเสริมเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชาในสายงาน หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เด็กนาย” ทุกวันนี้ข้าราชการตำรวจที่ตั้งใจทำงาน ไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าในอาชีพ เพราะแม้แต่หัวหน้าโรงพักที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด คนที่จะได้รับการแต่งตั้ง ยังต้องเป็นคนของนักการเมือง เมื่อประชาชนมีปัญหาความเดือดร้อน หากไม่ได้เป็นพรรคพวกของกลุ่มเดียวกัน ก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนเชื่อว่ายังมีข้าราชการตำรวจอีกมาก ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ที่ผ่านมา พวกเขาไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ นอกจากตนจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะกระตุ้นให้ข้าราชการตำรวจที่รักองค์กรแบบตน ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในองค์กรของตัวเองอย่างที่ผ่านมา