เมห์ราน คาริมิ นาสเซริ ชายชาวอิหร่าน ผู้เคยใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามบินชาร์ลส์ เดอโกลล์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลายาวนานถึง 18 ปี เสียชีวิตลงแล้วด้วยอาการหัวใจวาย ที่สนามบิน

ตามบันทึกอย่างเป็นทางการของเจ้าหน้าที่ประจำสนามบิน ระบุว่า นาสเซริ ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจหนังดังปี 2547 เรื่อง The Terminal เกิดอาการหัวใจวายในช่วงเที่ยงของวันที่ 12 พ.ย. 2565 ที่บริเวณเทอร์มินอลหมายเลข 2F ของสนามบินชาร์ลส์ เดอโกลล์ แม้ทีมแพทย์ฉุกเฉินจะพยายามยื้อชีวิตเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ

ในช่วงแรกที่ นาสเซริ ใช้ชีวิตอยู่ในสนามบิน เทอร์มินอลที่ 1 ตั้งแต่ปี 2531-2549 นั้นเกิดขึ้นเพราะปัญหาทางกฎหมาย เพราะเขาไม่มีเอกสารอนุญาตเข้าประเทศฝรั่งเศส แต่ต่อมาภายหลัง เป็นเพราะตัวเขาเองเลือกที่จะอยู่ที่นั่น

นาสเซริ ใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามบิน เขานอนหลับบนเก้าอี้พักคอยของผู้โดยสาร ผูกมิตรกับบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสนามบิน เขาได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องน้ำในส่วนของพนักงาน ปกติแล้ว เขาจะเขียนบันทึกประจำวัน อ่านนิตยสารที่มีให้อ่านฟรีและสำรวจบรรดาผู้โดยสารที่เข้า-ออกสนามบิน

พนักงานในสนามบินตั้งชื่อเล่นให้เขาว่า ‘ลอร์ดอัลเฟรด’ หรือ ‘ท่านเซอร์อัลเฟรด’ และเขาได้กลายเป็นคนดังในหมู่ผู้โดยสารที่ใช้บริการในสนามบินชาร์ลส์ เดอโกลล์

นาสเซริ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2542 ว่า เขาจะออกจากสนามบินชาร์ลส์ เดอโกลล์ แต่เขาต้องรอจนกว่าจะได้พาสปอร์ตหรือวีซ่าเข้าเมืองเสียก่อน

นาสเซริ เกิดเมื่อปี 2488 ที่เมืองโซไลมาน ในอิหร่าน ซึ่งเป็นเขตอำนาจศาลของอังกฤษ พ่อของเขาเป็นชาวอิหร่าน ส่วนแม่เป็นชาวอังกฤษ เขาออกจากอิหร่านเพื่อมาเรียนต่อที่อังกฤษ เมื่อปี 2517 

หลังจากนั้น เมื่อเขากลับไปยังบ้านเกิด นาสเซริ ก็โดนจับขังคุก เนื่องจากไปร่วมประท้วงพระเจ้าชาห์ของอิหร่าน และโดนเนรเทศออกนอกประเทศโดยไม่ให้พาสปอร์ตเขามาด้วย

นาสเซริ เคยสมัครขอลี้ภัยในหลายประเทศในยุโรป องค์กร UNHCR แห่งเบลเยียมให้สิทธิการเป็นผู้ลี้ภัย แต่ นาสเซริ บอกว่า กระเป๋าที่ใส่เอกสารยืนยันสิทธิดังกล่าวของเขาโดนขโมยไปที่สถานีรถไฟในกรุงปารีส ตำรวจปารีสจึงจับกุมเขา แต่ก็ไม่สามารถส่งตัวเขาออกนอกประเทศได้เพราะเขาไม่มีเอกสารยืนยันตัวตนอย่างเป็นทางการ นาสเซริ จึงต้องอาศัยอยู่ที่สนามบินชาร์ลส์ เดอโกลล์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2531 เป็นต้นมา

ในปี 2542 นาสเซริ ได้รับพาสปอร์ดผู้ลี้ภัย ซึ่งอนุญาตให้เขาอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสได้เป็นการชั่วคราว แต่เขาไม่ยอมลงนามในเอกสารรับรอง

กฎหมายว่าด้วยบุคคลเข้าเมืองของยุโรปที่เข้มงวดขึ้นและการเดินเอกสารที่ล่าช้า ขาดความใส่ใจ ทำให้ นาสเซริ ต้องติดค้างอยู่ในสนามบินเป็นเวลานานหลายปี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เป็นกลางตามกฎหมาย

ในที่สุด นาสเซริ ก็ได้รับเอกสารยืนยันสิทธิผู้ลี้ภัย ซึ่งเขาเคยกล่าวว่า ทำให้เขารู้สึกทั้งประหลาดใจและไม่มั่นใจที่จะออกจากสนามบินที่เขาใช้เป็นบ้านมานานหลายปี 

นาสเซริ ปฏิเสธที่จะลงชื่อในเอกสารดังกล่าว และตัดสินใจอาศัยอยู่ในสนามบินต่ออีกหลายปีจนกระทั่งเขาล้มป่วยและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อปี 2549 หลังจากหายป่วย เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่ศูนย์พักพิงของปารีส

เพื่อน ๆ ของเขาที่สนามบินเล่าว่า การใช้ชีวิตในอาคารที่มีพื้นที่โล่งและไม่มีหน้าต่างส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเขา แพทย์ประจำสนามบินในช่วงทศวรรษที่ 1990 เคยกล่าวว่า เป็นกังวลเรื่องสุขภาพทั้งทางกายและใจของเขา โดยบรรยายสภาพของ นาสเซริ ว่า เหมือนเขากลายเป็น “ฟอลซิล” ที่สนามบินไปแล้ว ขณะที่เพื่อนของเขาในร้านจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน เปรียบเทียบว่า นาสเซริ เหมือนนักโทษ เพราะเขา “ไม่สามารถใช้ชีวิตในโลกภายนอกได้” 

เจ้าหน้าที่ที่สนามบิน กล่าวว่า ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าการเสียชีวิตของเขา นาสเซริ ตัดสินใจกลับมาอยู่ที่สนามบินชาร์ลส์ เดอโกลล์ อีกครั้ง 

ชีวิตของ นาสเซริ กลายเป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์ปี 2547 เรื่อง ‘The Terminal’ ซึ่งกำกับโดย สตีเวน สปีลเบิร์ก และนำแสดงโดย ทอม แฮงคส์ รวมถึงภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง ‘Lost in Transit’ และละครโอเปร่าเรื่อง ‘Flight’

จากการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลเบื้องต้นของ นาสเซริ ไม่พบว่าเขามีภรรยาหรือลูกแต่อย่างใด.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES