“อาหาร” ที่พร้อมเสิร์ฟในงานเลี้ยงต้อนรับ กาลาดินเนอร์ อย่างเป็นทางการ แก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและคู่สมรส ในค่ำคืนวันที่ 17 พ.ย. ณ หอประชุมกองทัพเรือ เป็นเรื่องหนึ่งที่ได้รับความสนใจ

เชฟชุมพล แจ้งไพร คือผู้สร้างสรรค์เมนูอาหารไทยมื้อพิเศษในคอนเซปต์ “Sustainable Thai Gastronomy” พร้อมแนวคิด BCG โมเดลคัดเลือกวัตถุดิบที่โดดเด่นมีคุณภาพจากทุกภูมิภาคของไทยมาสร้างสรรค์เป็นเมนูไทยไฟน์ไดนิ่ง คือ กระทงทองคาร์เวีย จากโครงการหลวง ดอยอินทนนท์, ยำใหญ่ ผักออร์แกนิก ใส่ไก่บ้านย่าง และกุ้งมังกร 7 สี, ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมมัสมั่นเนื้อโพนยางคำ ต้มข่าปลาเก๋ามุก และสตูผักใส่ขนุนอ่อน, อาหารไทย 4 ภาค มีข้าวซอยหมี่กรอบ เนื้อโคราชวากิวย่างจิ้มแจ่ว หรือ ปลาดุกนาย่างสะเดาน้ำปลาหวาน ต้มยำกุ้งในรูปแบบคร็อกเก็ต และไก่เบตงย่างกอและ, ขนมหม้อแกงเผือกมิลเฟย เสิร์ฟพร้อมซอร์เบท์เสาวรส

อาหารมื้อสุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นอาจเป็นมากกว่าการเป็น “อาหารมื้ออร่อย” ที่เสิร์ฟเลี้ยงต้อนรับจัดเลี้ยงต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและคู่สมรส โดยอาจกลายเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่ทำให้อาหารไทยที่ทำจากวัตถุดิบไทย ปลูกโดยคนไทย ปรุงโดยเชฟไทย กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็เป็นได้  

ดร.วรพล อิทธิคเณศร หรือ เชฟธอมัส ผู้ก่อตั้งเพจ ตำรับข้างวัง Truly Thai Recipes เผยว่า “ความมีเสน่ห์ของไทย คือ แหล่งวัตถุดิบ แหล่งเพาะปลูก แหล่งเพาะเลี้ยงที่ดีที่สุดในโลก ความเป็นธรรมชาติของวัตถุดิบ วิธีการนำแหล่งเพาะเลี้ยงมาใช้ สิ่งที่ดีที่สุด คือ การนำเอาวัตถุดิบพื้นบ้านที่เขาไม่รู้จักขึ้นไปบนโต๊ะอาหารที่ต้อนรับบุคคลสำคัญที่มาร่วมประชุมครั้งนี้จะรู้สึกว้าว ว่าไม่เคยเห็นมุมมองแบบนี้มาก่อนเลย เป็นเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศซึ่งจะเห็นศักยภาพของเชฟไทย คนทำอาหารที่เป็นคนไทย จะมองถึงศักยภาพของเกษตรกรที่ปลูกพืชเหล่านั้น ถ้าไม่มีวัตถุดิบที่ดีจากคนปลูกที่เก่งไม่มีประโยชน์ จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ เชฟคือคนเชื่อมกลาง อาหารบนโต๊ะคือ สิ่งที่คนทานแล้วนำไปบอกต่อ การสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยในครั้งนี้มีผลดี ช่วยต่อยอดให้คนมองในอีกมุมมองหนึ่งว่า อาหารไทยไม่ใช่แค่แกงเขียวหวาน ผัดไทย ผัดกะเพรา ในประโยชน์ของการท่องเที่ยว จากการที่ผู้นำประเทศเขามาได้ชิม แล้วบอกต่อคนในประเทศจะทำให้เดินทางตามมาหารสชาตินั้น ๆ ต่ออีก”

อาร์ท-ภาคภูมิ สุวรรณเตมีย์ คณะผู้บริหารเพจตามรอยตำนานร้านดัง และเจ้าของเพจเจริญพุงพเนจร สะท้อนมุมมองว่า การจะทำให้เมนูอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งบนโต๊ะกาลาดินเนอร์สำหรับผู้นำเอเปค ครั้งนี้การจะกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์เป็นไปได้หมด เพราะด้วยวัฒนธรรมของอาหารไทยไม่เหมือนใครในโลก มีวัตถุดิบที่ใช้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อทุกคนลิ้มรสจะสามารถมีความทรงจำและสัมผัสรสชาติติดตราตรึงใจ ว่าถ้าอยากสัมผัสรสชาติความอร่อยและประสบการณ์การรับประทานอาหารที่แปลกแตกต่างจากทั่วโลก สามารถมาได้ที่ประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งถ้าสร้างความประทับใจได้ผู้นำประเทศต่าง ๆ จะเป็นทูตช่วยบอกต่อ ๆ ได้ การเสิร์ฟแบบไฟน์ไดนิ่งครั้งนี้ เหมือนเปิดประสบการณ์ให้สัมผัสอาหารที่ทำมาจากวัตถุดิบดีของไทย ซึ่งเชฟชุมพลมีฝีมือดีและสิ่งที่คิดสร้างสรรค์มาเหมาะสม

เชฟโอ-ญาณัช มะอาจเลิศ อาจารย์ผู้สอนโรงเรียนการอาหารไทย MSC และอนุกรรมการสมาคมเชฟประเทศไทย มีมุมมองว่า การนำเสนออาหารไทยในงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำฯ ครั้งนี้ สำคัญมาก เพราะว่าวัฒนธรรมในการกินอาหารของคนไทยเป็นอารมณ์แบบความอบอุ่นกินกับน้อง เพื่อน พ่อแม่ ครอบครัว ถ้าจะทำอาหารไทยให้ผู้นำแต่ละประเทศ ได้รับประทานให้รู้สึกว่าบ้านเราอยู่กินแบบนี้ ยิ่งเป็นการเปิดให้ได้สัมผัสอาหารไทยและรู้จักมากยิ่งขึ้น ทั้งวัตถุดิบในพื้นบ้านท้องถิ่นของไทยจะทำให้ผู้นำฯ รู้ว่าถ้ามาประเทศไทยเท่านั้นจึงจะได้รับประทาน หรือถ้านึกถึงเมนูนี้ต้องมาประเทศไทยเท่านั้น ทั่วโลกรู้จักต้มยำกุ้ง ผัดไทย มัสมั่น แกงกะหรี่ แกงเขียวหวาน แต่จริง ๆ แล้วจะดีมาก ถ้าทำให้รู้จักอาหารไทยได้มากกว่าเมนูที่ว่ามาซึ่งอาหารไทยไม่มีถูกผิด มีแต่คำว่าถูกใจกับไม่ถูกใจ ชอบกับไม่ชอบ

ด้าน พีท-พีรพัฒน์ ตุลยาเดชานนท์ เจ้าของเพจ Eatwithpete-กินกับพีท เผยว่า “เมนูอาหารที่เสิร์ฟบนโต๊ะกาลาดินเนอร์สำหรับผู้นำฯ จะกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้ไหม คิดว่าได้ส่วนหนึ่งคือ เชฟต้องพรีเซ็นต์จานอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ปลายทางของคนสัมผัสรสชาติว่าจะถ่ายภาพ หรือนำไปถ่ายทอดในสื่อต่าง ๆ มากแค่ไหน การเสิร์ฟแบบไทยไฟน์ไดนิ่งจะบอกได้ว่า วัตถุดิบของไทยสามารถนำมาเป็นจานที่เป็นมื้อหรูหราลงจานสวยงามได้ ส่วนไทยออเทนติค จะย้ำว่าไทยของเรามีอะไรที่บอกว่านี่คือเมนูของไทย ผมคิดว่ามีสองมุม มุมบวกคิดว่าเมนูไทยไฟน์ไดนิ่งเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้นำเสนอวัตถุดิบของไทยลงไปจาน ให้รู้ว่ามีวัตถุดิบดี ๆ อยู่ที่ประเทศไทยและต้องมาที่ไทยเท่านั้น แต่อีกมุมมองว่าน่าจะเปิดการพรีเซนต์อาหารเป็นมุมที่กว้างขึ้น เช่นจัดเป็นฮอลล์ใหญ่ ๆ และนำสตรีทฟู้ดเจ้าดังมารวมกันในฮอลล์ใหญ่ ๆ และให้ทุกคนได้สัมผัสรสชาติ ซึ่งจะเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อาหารไทยให้คนทั่วโลกรู้จักได้มากขึ้นด้วย”.

ขอบคุณภาพอาหารจาก เพจ NNT – National News Bureau of Thailand