เมื่อวันที่ 24 พ.ย. นายตฤณ แก่นหิรัญ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท กะตะธานี จำกัด แถลงข่าวถึงกรณีเข้าร้องเรียน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) รวมถึง ส.ส. อีกหลายคนที่ร่วมเป็น กมธ.ชุดดังกล่าว เช่น นายสุทาประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไท นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรค พท. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายวิทยา ทรงคำ ส.ส.เชียงใหม่ พรรค พท. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรค พท. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรค ภท., นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรค พปชร. โดยอาจประพฤติมิชอบและใช้อำนาจเกินหน้าที่ จึงขอให้คณะกรรมการจริยธรรมฯ ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กมธ.ป.ป.ช.

นายตฤณ กล่าวต่อว่า กมธ.ทั้ง 13 คน ได้ร่วมพิจารณารับเรื่องร้องเรียนและสอบสวนกรณีรร.กะตะธานีสร้างคร่อมคลองบางรัก จ.ภูเก็ต และบุกรุกถนนสาธารณประโยชน์โดยไม่มีอำนาจ ทั้งที่ กมธ.ป.ป.ช. มีอำนาจเพียงการพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการและมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ตามข้อ 82 (22) แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 เป็นกรณีเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น แต่ กมธ.ทั้ง 13 คนกลับอ้างอำนาจหน้าที่ในฐานะ กมธ.ดำเนินสอบสวนเพื่อเอาผิด และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบริษัท กะตะธานี จำกัด

“กมธ.ป.ป.ช.ได้พิจารณาและยืนยันว่า บริษัท กะตะธานี จำกัด ได้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างคร่อมคลองบางรัก โดยอาศัยเพียงคำร้องเรียนบุคคล ซึ่งอ้างว่าเป็นประชาชนที่อาศัยในพื้นที่บริเวณหาดกะตะน้อย โดยปราศจากหลักฐานที่พิสูจน์ถึงการมีอยู่ของคลองบางรักทั้งที่ได้เรียกหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคลองบางรักหลายครั้ง แต่ไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานทางราชการหรือบุคคลใดสามารถยืนยันว่าคลองบางรักมีอยู่จริงหรือไม่ และอยู่ในบริเวณใด ทั้งนี้ ยังมีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน บิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้บริษัท กะตะธานี จำกัด ได้รับความเสียหายอีกด้วย”

นายตฤณ กล่าวด้วยว่าการกระทำของกมธ.ทั้ง 13 คนอาจเข้าข่ายฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา172 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และฝ่าฝืนมาตรา 149 มาตรา 185 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และข้อ 82 (22) แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551

“บริษัทขอให้กรรมการจริยธรรมพิจารณาและตรวจสอบการกระทำของ กมธ.ป.ป.ช. ทั้ง 13 คน หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ขอให้มีคำสั่งลงโทษ และดำเนินการตามกฎมาย เพื่อเป็นบรรทัดฐานและแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของ กมธ.สภาฯ เพื่อมิให้มีการกระทำขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญต่อไป ซึ่งจากนี้จะมีการรวบรวมหลักฐานยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป” นายตฤณ กล่าว.