สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ว่า ซีเอ็นเอ็นเผยแพร่แถลงการณ์ของนายคริส ลิชต์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของซีเอ็นเอ็น เกี่ยวกับการแจ้งโดยตรงไปยัง “พนักงานจำนวนหนึ่ง” ว่า จำเป็นที่ทางบริษัทต้องยุติสัญญา

แม้ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า พนักงานของซีเอ็นเอ็น เตรียมตัวสำหรับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ตั้งแต่เดือน พ.ย. ที่ผ่านมา หลังก่อนหน้านั้น มีสัญญาณอย่างตรงไปตรงมาจากลิชต์ ว่า ฝ่ายบริหาร “มีความวิตกกังวลอย่างหนักต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก” ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อ “การดำเนินงานในระยะยาวขององค์กร”


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวขอซีเอ็นเอ็นเกิดขึ้น หลังอดีตบริษัทแม่ คือ วอร์เนอร์มีเดีย ควบรวมกิจการเมื่อต้นปีนี้ กับบริษัทวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี เมื่อช่วงต้นปีนี้ ตามแผนปรับโครงสร้าง โดยการควบรวมกิจการเสร็จสิ้นเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และซีเอ็นเอ็นประกาศยุติบริการสตรีมมิ่ง “ซีเอ็นเอ็น พลัส” หลังเพิ่งเปิดตัวได้เพียงเดือนเดียว


ทั้งนี้ เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว เกี่ยวกับการประมาณการผลกำไรของซีเอ็นเอ็นในปีนี้ ว่า อาจพลาดเป้าหมาย 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35,030 ล้านบาท) ที่มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,503 ล้านบาท) เนื่องจากเรตติ้งของหลายรายการลดลงอย่างชัดเจน แม้สถิติผู้ชมรายการข่าวเช้าเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ในส่วนของรายการข่าวค่ำและข่าวดึก ซีเอ็นเอ็นยังคงไม่สามารถเฟ้นหาผู้ดำเนินรายการ ซึ่งจะสามารถดึงดูดผู้ชมได้


อนึ่ง ซีเอ็นเอ็น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแอตแลนตา ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐ ก่อตั้งเมื่อปี 2523 โดยนายเท็ด เทอร์เนอร์ ร่วมกับนายรีส เชินเฟลด์ ถือเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของอเมริกา ซึ่งนำเสนอข่าวตลอด 24 ชั่วโมง ผลสำรวจโดยนีลเซน เมื่อเดือน มิ.ย. 2564 ระบุว่า ซีเอ็นเอ็นมีเรตติ้งผู้ชมเป็นอันดับ 3 ในสหรัฐ รองจาก ฟ็อกซ์ นิวส์ และ เอ็มเอสเอ็นบีซี.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES