เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ โรงแรมเดอะเดวิส บางกอก ซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เดินทางเข้ายื่นเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงินเพิ่มเติมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

เมื่อเดินทางกลับมาถึง โรงแรมเดอะเดวิส นายชูวิทย์ ได้เริ่มโชว์การแสดงเชิงสัญลักษณ์ ถือถ้วยใส่พริก และนำเกลือโรยลง พร้อมกล่าวคำสาปแช่งว่า สาเหตุที่ตนเผาพริกเผาเกลือ เพราะมีคนที่มันไม่จงรักภักดีกับประเทศชาติ หากินเอาสื่อเป็นเครื่องมือ ตีตนเรียกราคา และไปตลบหลังพวกทุนจีนสีเทา โดยตนขอให้สันขวานไปใส่กระโปรง และขอให้วายวอด ถ้าตนพูดไม่จริง ถ้าตนหวังผลประโยชน์จากสิ่งที่พูด ก็ขอให้พินาศไปแต่ถ้าพูดความจริง ก็ขอให้มันมีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน

นายชูวิทย์ เปิดเผยถึงหลักฐานที่นำไปมอบให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ว่า มีพยานปากเอกคนสำคัญ ซึ่งเป็นคนไทยที่เคยทำงานกับนายตู้ห่าว แต่เกิดขัดผลประโยชน์ เนื่องจากนายตู้ห่าว ไม่ยอมให้เงินค่าจ้าง และไล่เขาออก พยานคนไทยรายนี้จึงติดต่อตนเพื่อขอเป็นพยานในคดี อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของบุคคลดังกล่าวได้และได้ดูแลเรื่องความปลอดภัยก่อนที่จะส่งพยานคนดังกล่าวให้กับตำรวจ

นายชูวิทย์ ยังฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำสำนวนคดีดังกล่าวและการไล่ติดตามยึดทรัพย์ ว่า ขอให้ทำงานอย่างโปร่งใสเป็นธรรม หากมีบุคคลใดที่ตั้งใจทำสำนวนให้อ่อนหรือทำให้นายตู้ห่าว ได้รับการปล่อยตัวจากการฝากขังทั้ง 7 ผลัด หรือเวลา 84 วัน ตนมีข้อมูลของทุกคน และจะติดตามว่าใครทำคดี ใครทำสำนวน ส่งไปให้อัยการคนไหน เพราะตอนนี้นายตู้ห่าว เงินไหลเป็นน้ำประปา อาจได้รับการประกันตัวหรือไม่อย่างไรต้องติดตามต่อไ ป อีกทั้งยังยืนยันว่า ตนไม่ได้รับงานหรือรู้เห็นกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่ข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการมามอบให้ และเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวบ่อนทำลายประเทศชาติ จึงตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลและส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ยังเปิดเผยข้อมูลของนอมินีคนสำคัญของนายตู้ห่าว คือ นางพัชรินทร์ (สงวนนามสกุล) ภรรยาอีกคนของนายตู้ห่าว โดยหลักฐานสำคัญคือเส้นทางการเงินของนางพัชรินทร์ ที่มีเส้นทางเงินถึงนายตู้ห่าว โดยตนได้ให้ฝ่ายเทคนิคส่วนตัวทำการดึงข้อมูลในระบบคลาวด์ ที่สำคัญคือตนมีเงิน โดยระบบไอทีที่จ้างมา บอกเเล้วว่าจะล้มกระดาน และการชนะเพียงครั้งเดียวคือการล้มกระดานทั้งหมด เพราะมันเกี่ยวข้องกับขบวนการต่างๆ ของนายตู้ห่าว แม้ว่าขบวนการนี้จะมีการทำลายพยานหลักฐานต่างๆ ไปบ้างแล้วก็ตาม

นายชูวิทย์ ยังเปิดภาพสัญญารายการซื้อขายระหว่างนายตู้ห่าว กับนางพัชรินทร์ ว่า เป็นสัญญารายการซื้อขายและคุ้มครองที่ดินแห่งหนึ่ง มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคมปี 2563 โดยให้นางพัชรินทร์เป็นคนออกเช็คจ่ายแทนนายตู้ห่าว เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย อีกทั้งยังมีสำเนาเช็คที่นางพัชรินทร์ เป็นคนเซ็นจ่ายจำนวน 5-6 ใบ และยังมีรายละเอียดการซื้อขายที่ดินหลายไร่ในปี 2561 และเมื่อนำไปเทียบกับเอกสารการเดินบัญชีธนาคารของนางพัชรินทร์ พบว่า มีข้อมูลการจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารและเช็คจำนวนเงินตรงกับรายละเอียดในเอกสารรายรับรายจ่ายของบริษัทนายตู้ห่าว

นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า นายตู้ห่าว และพวกมีสำนักทนายความชาวจีนเป็นของตัวเองเพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการและผู้ที่สนใจจะเดินทางมาลงทุนธุรกิจสีเทาหรืออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และเป็นที่มาของการใช้วิธีการในการซื้อครองต่างๆ โดยเช่าคนไทยเป็นนอมินี

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังตั้งคำถามการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ที่ไม่ยอมเข้าไปตรวจสอบภายในเครื่องบินของนายตู้ห่าว แต่กลับติดประกาศโดยไม่ยอมเข้าไปตรวจสอบหรือยึดตั้งแต่แรก เพราะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเรื่องยาเสพติด และ ป.ป.ส. มีอำนาจในการตรวจค้น และเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการทำงานของหน่วยงานที่เข้าไปตรวจยึดเครื่องบินเป็นหน่วยงานแรก ถือว่าเป็นการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือเป็นการรู้เห็นกับผู้ต้องหาหรือไม่นั้น นายชูวิทย์ ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าวและยกข้อมูลภาพถ่ายของสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ก่อสร้างอยู่กลางป่า พร้อมระบุว่าได้ข้อมูลมาว่า มีการใช้เงินจากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของต่างประเทศเพื่อมาสนับสนุนหน่วยงานยาเสพติดของไทย แล้วนำเงินไปสร้างบ้านกลางป่า ที่ตนแฉไป ตนไม่มีอะไรเสีย ตนยอมแลก

ส่วนประเด็น 5 เสือสีเทานั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ถ้าเป็นตามที่นายสันธนะ ว่า ตนอยากถามว่าถ้าทำมาหากินสุจริตจะกลัวทำไม ก็เพราะว่าไม่สุจริต จึงต้องมีนอมินี และนอมินีมีเพื่ออะไร โดยเฉพาะกรณีนี้ ที่นายตู้ห่าวมีนอมินี คือ นางพัชรินทร์ และการกล่าวหานี้ ตนมีหลักฐาน 100% มีเส้นทางการเงิน และเส้นทางการเงินนี่แหละ ที่ทำให้คนตายได้เพราะไม่ระวังตัว มันเชื่อมโยงถึง

นายชูวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า ภาคต่อไป ตนจะมุ่งตรงไปที่การขอวีซ่าของกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยจะมุ่งไปที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ด้วยว่าเหตุใดจึงขอวีซ่าได้ แต่กลับไม่มีวีซ่าจริงๆ และสาเหตุอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ทำไมจึงมีการสร้างโรงเรียนสอนภาษาจีน มีการก่อตั้งสำนักกฎหมายทนายจีน มีการจัดตั้งสมาคมและมูลนิธิเถื่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ มันนำไปหลอกล่อคนจีนว่ามาเมืองไทยซื้อได้ทุกอย่าง มีบริการรถนำขบวนเมื่อลงจากเครื่องบินด้วยซ้ำ อีกทั้งการซื้อหมู่บ้านด้วยเงินสด 100 ล้านบาท ซื้อยกหมู่บ้านอีก ว่าเอาเงินเข้าไทยได้อย่างไร มีการใช้วิธีการเช่านอมินี โดยคนจีนเหล่านี้มาเช่าคนไทยเป็นเงินจำนวน 4 หมื่นบาทต่อคนต่อปี ทั้งนี้ ตนยังฝากให้ติดตามกรณีถัดไป ซึ่งจะเป็นประเด็นใหญ่และสำคัญ โดยเรียกกันว่า “อุ้มท้องซื้อพ่อ” ซึ่งเรื่องนี้มันเกี่ยวกับความมั่นคงด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายชูวิทย์ได้ออกมาแสดงการเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งคู่กรณีที่เคยบุกมาที่โรงแรมตัวเองและมีปากมีเสียงกันบ่อยครั้ง โดยขอให้บุคคลดังกล่าว หากไม่ประสงค์ดีต่อแผ่นดินและกระทำการทุจริตขอให้มีความวอดวาย พร้อมกับโชว์เครื่องสังฆทานโดยระบุว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ หากบุคคลดังกล่าวได้รับผลกรรมจากการกระทำนั้นๆ.