จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Akarase Phongkhamdang Tanorganic (Am) พ่อขายของออนไลน์ ได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเองมาขึ้นโพสต์บนโซเชียล หลังจากส่งสินค้าหมวกกันน็อกมือสองราคากว่า 24,000 บาท ไปส่งให้กับลูกค้าผ่านบริษัทขนส่งเอกชนรายหนึ่ง แต่ทางลูกค้าปฏิเสธรับของและส่งสินค้าคืน แต่เมื่อสินค้าตีกลับมาถึงกลับพบว่า หมวกกันน็อกที่ตีกลับมานั้นเป็นคนละใบกับที่ส่งไปให้ลูกค้า จึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อให้สอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้่ เมื่อที่ 18 ส.ค. นายอัคเรศ พวงเข็มแดง อายุ 30 ปี พ่อค้าออนไลน์เจ้าของไอดีเฟซบุ๊ก Akarase Phongkhamdang Tanorganic (Am) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนนำหมวกกันน็อกยี่ห้อ Arai rx7v nakano green โพสต์ขายในเฟซบุ๊ก ส่วนตัว และมีลูกค้าเข้ามาติดต่อขอซื้อ ซึ่งตนก็ได้ถ่ายรูปหมวกกันน็อคในมุมต่าง ๆ ส่งให้ลูกค้าดูจนพอใจ ก่อนที่ลูกค้าจะตกลงซื้อขายกันในราคา 24,000 บาท โดยลูกค้าได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวมาให้เป็นที่เรียบร้อย

ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. ตนได้นำหมวกกันน็อกใบดังกล่าวแพ็คใส่กล่องเตรียมนำไปฝากส่งให้ลูกค้า และถ่ายรูปเพื่อเป็นหลักฐาน ก่อนนำไปฝากส่งที่ บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ในย่าน อ.พระประแดง และถ่ายรูปสลิปเป็นหลักฐานและเลขพัสดุ ส่งไปให้ลูกค้าดูเพื่อยื่นยันการส่ง ในวันที่ 15 สิงหาคม และในวันเดียวกันลูกค้าได้โทรฯกลับมาแจ้งตน ว่าขอขายคืนสินค้า เนื่องจากภรรยาจับว่าได้ซื้อหมวกกันน็อกราคาแพง เพราะเห็นสลิปการโอนเงินที่โอนเงินมาให้ตน จึงขอขายคืนสินค้าคืนในราคา ในราคา 19,000 บาท

ตนจึงนำเลขพัสดุมาเช็กแต่ปรากฏว่า กล่องสินค้ายังอยู่ที่คลังสินค้าปลายทาง ยังไม่มี่การรับ ต่อมาในเวลาประมาน 16.00 น. ตนจึงโทรติดต่อคอลเซ็นเตอร์ บริษัทขนส่งเอกชนดังกล่าว เพื่อสอบถามซึ่งทางบริษัทขนส่งดังกล่าวได้แจ้งว่าไม่ข้อมูลการรับสินค้าปลายทาง วันที่ 17 สิงหาคม สินค้าได้ถูกตีกลับมาถึงบ้านตน ก่อนเปิดกล่องตรวจสอบสินค้าตนได้ถ่ายรูปหน้ากล่องไว้ เพราะต้องแจ้งให้ลูกค้าให้ทราบว่า ได้รับสินค้าตีคืนแล้ว

แต่พอเปิดกล่องออกมาก็ต้องตกใจเพราะสินค้าข้างในที่ตีกลับมาเป็นหมวกกันน็อกคนละใบกับที่ตนส่งไปให้ลูกค้า ตัวหมวกมีสภาพเก่าโทรมถูกใช้มายาวนาน ซึ่งเป็นยี่ห้อกับตนส่งไป ราคาประมาณ 200 กว่าบาท จึงได้นำหลักฐานเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ พร้อมทั้งโทรฯแจ้งให้ลูกค้าทราบ ซึ่งทางลูกค้าก็ได้โอนเงินกลับมาให้ตนเองจำนวน 15,000 เพื่อเป็นหลักประกันว่าลูกค้าไม่ได้มีการสับเปลี่ยนหมวกไปแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ทางลูกค้ารายดังกล่าว ยังคงยืนยันว่าไม่ได้มีการสับเปลี่ยนหมวกไปแต่อย่างใด ช่วงที่พนักงานมาส่งสินค้าที่บ้าน ตัวลูกค้าก็ยังยืนยันว่าตัวเองอาบน้ำอยู่ และไม่ได้ออกมาเซ็นรับ แต่ได้บอกให้พนักงานวางไว้ที่หน้าบ้าน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ตนจึงออกหยิบกล่องพัสดุดังกล่าวดู แต่ก็ไม่ได้เปิดกล่องออกดูแต่อย่างใด ก่อนจะรีบขี่รถจักรยานยนต์นำกล่องสินค้าดังกล่าวไปคืนให้กับรถของพนักงานขนส่ง ซึ่งกำลังส่งของอยู่ในหมู่บ้าน พร้อมกับแจ้งว่าขอปฏิเสธรับสินค้า

อย่างไรก็ตาม ตนรับปากว่า หากพิสูจน์แล้วไม่พบว่า ลูกค้ารายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็จะโอนเงินคืนให้ทุกบาททุกสตางค์คืน แต่ก็ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบหาคนที่สับเปลี่ยนสินค้าที่ส่งกลับมาให้ตนก่อน ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร.