เมื่อวันที่ 19 ส.ค. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 พ.ต.ท.สินเลิศ สุขุม รอง ผบก.น.4 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.อรรถวินทน์ เกษแก้ว ผกก.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.นพรุจ จิตต์มั่น รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ เสียงใส รอง ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.เดโช ประสานศรี สว.กก.สส.บก.น.4 และ พ.ต.ต.พลากร สอนเวียง สว.สส.สน.อุดมสุข ร่วมกันนำกำลังตำรวจ กก.สส.บก.น.4 และตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข จับกุมตัว นายสุรินทร์ พุทประเสริฐ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ร้านทอง พร้อมของกลาง หมวกนิรภัย สีเทา ยี่ห้อ csspace 1 ใบ กระเป๋าสะพายข้างสีเทา ยี่ห้อ Mc cooler 1 ใบ เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ 1 ตัว รองเท้าผ้าใบสีขาว ยี่ห้อ เบรกเกอร์ 1 คู่ กางเกงขายาวสีดำ 1 ตัว โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ huawei จำนวน 1 เครื่อง และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น zoomer x สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน สามารถจับกุมตัวได้หน้าบ้านหลังหนึ่ง ในซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 87 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ส.ค. เวลาประมาณ 16.40 น. ตำรวจรับแจ้งเหตุมีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ที่ร้านทอง “เพชรทองใบเยาวราช” ซอยกาญจนาภิเษก 39 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข และ ตำรวจกก.สส.บก.น.4 จึงได้รีบลงพื้นที่ตรวจสอบ โดย พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 ลงพื้นที่บัญชาการด้วยตนเอง

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายเป็นชายไทย จำนวน 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณหน้าร้าน จากนั้น ได้เข้ามาทำทีขอดูสร้อยคอทองคำจากพนักงานภายในร้าน ก่อนคนร้ายได้ใช้ชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่พนักงานร้าน เพื่อทำการชิงทรัพย์ โดยสามารถนำเอาทองรูปพรรณหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น หลบหนีไปได้

หลังทราบข้อมูลดังกล่าว ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ละแวกจุดเกิดเหตุ ตลอดจนกล้องวงจรปิดตามโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามคนร้ายทันที ปรากฏว่า ได้รับแจ้งจากทางร้านผู้เสียหายว่า มีชายต้องสงสัยนำสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ที่มีตำหนิรูปพรรณตรงกับทองของทางร้านผู้เสียหายที่ถูกชิงทรัพย์ไปขายที่ร้านทองในย่านลาดกระบัง จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ

ต่อมา เมื่อตรวจสอบพบว่า สร้อยทองที่นำมาขายดังกล่าวเป็นของร้านผู้เสียหายที่ถูกประทุษร้ายไปจริง ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ของทางร้าน และทางผู้เสียหายยืนยัน จากการตรวจสอบข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของร้านดังกล่าว พบว่า ชายที่นำทองมาขายมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับคนร้ายที่ก่อเหตุมาก แตกต่างเพียง ขณะก่อเหตุคนร้ายผมยาว ทางตำรวจจึงน่าเชื่อว่าคนร้ายรายนี้สวมวิกผมมาก่อเหตุ ส่วนตอนมาขายศีรษะล้าน จนทำให้ทราบชื่อคนร้ายรายนี้ คือนายสุรินทร์ พักอาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่งในซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 87 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. จากนั้น ตำรวจได้ติดตามอย่างต่อเนื่องไปตรวจสอบที่บ้านพักดังกล่าว พบตัวนายสุรินทร์ และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก และพบของกลางทั้งหมด ส่วนวิกผมที่ใส่อำพรางตัวขณะก่อเหตุ และอาวุธปืนปลอมที่ใช้ก่อเหตุ ได้โยนทิ้งระหว่างทางระหว่างหลบนี้ไปแล้ว ก่อนคุมตัวพร้อมของกลางสอบสวนที่ กก.สส.บก.น.4 รวมเวลาการสืบสวนติดตามจับกุมตัว หลังเกิดเหตุใช้เวลาเพียง 3 ชม. 20 นาที

จากการสอบสวน นายสุรินทร์ ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวแล้วหลบหนีมาจริง โดยเจ้าตัวปกติมีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในย่านถนนสุคนธสวัสดิ์ แต่ด้วยที่ชื่นชอบเล่นพนันฟุตบอลออนไลน์ ที่เพิ่งเริ่มเปิดฤดูกาลมาได้เพียงไม่นาน แล้วเล่นเสียต้องไปหยิบยืมเงินผู้อื่น จนต้องเป็นหนี้สิน และไม่มีเงินใช้หนี้ จึงคิดอยากหาเงินทางลัดด้วยการออกตระเวนไปก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยการนำอาวุธปืนปลอม พร้อมสวมวิกผม เพื่ออำพรางให้ยากต่อการติดตามจับกุมของตำรวจ ซึ่งหลังก่อเหตุได้นำทองไปขายได้เงินมาจำนวน 53,440 บาท จากนั้นนำเงินไปใช้หนี้ทั้งหมด ซึ่งเจ้าตัวรับทำครั้งนี้เป็นเพียงครั้งแรกเท่านั้น เมื่อทำการตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรมไม่พบการกระทำความผิดมาก่อนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามทางตำรวจต้องสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการพาทรัพย์นั้นไป” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.