เมื่อวันที่ 8 ธงค. นายอาทร ดำคง ทนายความผู้รับมอบอำนาจ นายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าไปตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของเอกชนสัญชาติอังกฤษ โดยนำมาเปิดเผยข้ามประเทศ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และ กฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 38 ระบุว่า การจะตรวจสอบธุรกรรมชาวต่างชาติ ต้องขออนุญาต แต่เมื่อไม่ขออนุญาตตามมาตรา 38 จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ใช้อำนาจมิชอบ โดยเฉพาะการเข้าไปตรวจสอบบุคคลสัญชาติอังกฤษที่ยังไม่ถูกร้องเรียนด้วยคดีใดใด ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นนักธุรกิจที่ทำธุรกิจให้คำปรึกษาการลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งนี้เมื่อข่าวการถูกตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินถูกตีแผ่ออกไป ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่ง พรบ.ข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศอังกฤษเขียนไว้ชัดเจนว่า ห้ามนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดเผยข้ามประเทศ เพื่อคุ้มครองและปกป้องผลประโยชน์คนอังกฤษที่เข้าไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งโดยมิชอบ ขณะที่กฎหมาย ป.ป.ช.ระบุว่า ในการไต่สวนหรือไต่สวนเบื้องต้น จะต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย

นายอาทร ระบุว่า จากคำสั่งของประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2565 ลงโทษไล่ นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช.ออกจากราชการ ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ โดยตรวจสอบธุรกรรมการเงินของ นายประหยัด พวงจำปา , คู่สมรส , บุคคลเอกชนสัญชาติอังกฤษ และบริษัทต่างชาติ แม้มติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ลงมติชี้มูลนั้นมีคะแนนเสียงเท่ากัน (4 ต่อ 4 เสียง)

นายอาทร กล่าวต่อว่า ดังนั้นในเวลาต่อมาวันที่ 15 พ.ย. 2565 ที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ นาตนในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจ นายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ได้ยื่นฟ้อง เพื่อขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเมื่อวันที่ 26 ส.ค.65 ที่มีคำสั่งลงโทษไล่ นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ออกจากราชการ ที่ตามมติการชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายประหยัด ร่ำรวยผิดปกติ และมีคำสั่งลงโทษไล่ออก เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ

นายอาทร ระบุด้วยว่า ดังนั้นการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางในครั้งนี้ เพื่อคุ้มครองศักดิ์ศรีของข้าราชการมิให้ถูกกลั่นแกล้ง และต้องการสร้างบรรทัดฐานในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งหากติดตามข่าวสารจะพบว่า มีหลายคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่ชี้มูลความผิด โดยยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของประชาชน หลายคดีที่เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล แต่เมื่อมีการฟ้องร้องต่อศาล ปรากฏว่า ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง

ในการไต่สวนหรือไต่สวนเบื้องต้น จะต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เพื่อประโยชน์ในการไต่สวน คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจนำพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน หรือพยานหลักฐานที่ได้มาจากต่างประเทศอันได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายในคดีใดคดีหนึ่ง มาใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบสำนวนการไต่สวนที่เกี่ยวข้องได้