เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “หลวงปู่บุดดา” พระราชมงคลวชิราทร (บุดดา ปัญญาธโร) วัดป่าใต้พัฒนาราม จ.สระแก้ว ละสังขารแล้วด้วยอาการสงบด้วยโรคชรา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 ธ.ค. สิริอายุรวม 111 ปี

ทั้งนี้ “หลวงปู่บุดดา” วัดป่าใต้พัฒนาราม จ.สระแก้ว เป็นพระคณาจารย์ที่ชาวบ้านโนนหมากเคียง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ให้ความเคารพ ศรัทธา ทั้งยังมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก “หลวงปู่บุดดา” นับเป็นพระเกจิที่มีความเมตตาธรรมบารมีสูง และมีรอยยิ้มอยู่เสมอ เป็นที่ทราบกันกันดีของลูกศิษย์ว่า ท่านชอบอยู่ชีวิตเรียบง่าย ฉันอาหารแบบบ้านๆ น้ำพริก ผักต้ม ผักสด มักน้อย ชอบชีวิตสันโดษ ไม่นิยมสะสมข้าวของ ปฏิบัติกิจของสงฆ์เป็นประจำอย่างเคร่งครัด โดยคณะศิษยานุศิษย์ได้ขนานนามท่านว่า “อมตะเกจิ 6 แผ่นดิน หลวงปู่บุดดา แห่งวัดป่าใต้”

สำหรับประวัติ หลวงปู่บุดดา เกิดเมื่อ พ.ศ. 2454 ที่บ้านโคกอู่ทอง ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี วัยเด็กเข้าเรียนที่วัดโคกอู่ทองกับพระอาจารย์แย้ม จนจบชั้น ป.4 จากนั้นออกมาช่วยทางครอบครัวทำไร่ทำนา บรรพชาเมื่อ พ.ศ. 2470 พร้อมกับศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม จากนั้นเข้าพิธีอุปสมบทครั้งแรก พ.ศ. 2477 ที่วัดโคกอู่ทอง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ครองเพศสมณะอยู่ได้ 1 พรรษา ลาสิกขาออกมามีครอบครัว โดยช่วงที่เป็นฆราวาส เรียนธรรมะวิชาต่างๆ จากหนังสือเก่าตามตำราของพระอาจารย์หลายรูป

หลังใช้ชีวิตฆราวาสมาจนถึง พ.ศ. 2534 ตัดสินใจเข้าพิธีอุปสมบทครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2534 ที่อุโบสถวัดทุ่งพระ อ.เมือง จ.สระแก้ว มีหลวงพ่อสนธิ์ วัดทุ่งพระ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูณรงค์ วัดเทพาวาส (ทับใหม่) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์บัวลา วัดโคกสัมพันธ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ จากนั้นได้อยู่จำพรรษาที่วัดเทพาวาส ภายหลังย้ายมาสร้างเป็นวัดทับใหม่ มีหลวงพ่อดี เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก จึงเริ่มก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์ใหม่เจริญสุข

หลังจากนั้น พ.ศ. 2550 จึงร่วมกับชาวบ้านก่อสร้างและพัฒนา จนได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัด คือ วัดป่าใต้พัฒนาราม และท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดป่าใต้พัฒนารามตลอดมา และเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ได้มีพระบรมราชโองการ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ให้ “หลวงปู่บุดดา” เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชมงคลวชิราทร บวรธรรมทานประสิทธิ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี