สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ว่า การประท้วงยืดเยื้อนานเกือบ 3 เดือน มีชนวนเหตุมาจากการที่ น.ส.มาห์ซา อมินี หญิงสาววัย 22 ปี เสียชีวิตระหว่างอยู่ในการควบคุมของตำรวจศีลธรรม
รัฐบาลอิหร่านเรียกการประท้วงว่าเป็น “การจลาจล” และกล่าวว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้รับการสนับสนุนจากศัตรูต่างชาติ ซึ่งทางการกำลังตอบโต้ด้วยนักเคลื่อนไหวปราบปราม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รัฐบาลอิหร่านประหารชีวิตนายโมห์เซน เชคารี วัย 23 ปี ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิด ฐานโจมตีสมาชิกของกองกำลังความมั่นคง โดยกลุ่มสิทธิ อาทิ องค์การนิรโทษกรรมสากล “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล” กล่าวว่า กระบวนการทางกฎหมายในพิจารณาคดีของเขาถูกดำเนินด้วยความเร่งรีบเกินควร
แม้คณะตุลาการของอิหร่านจะรายงานว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้ถูกตัดสินประหารชีวิตแล้ว 11 ราย เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วง แต่กลุ่มนักรณรงค์กล่าวว่า ชาวอิหร่านหลายสิบคนกำลังถูกตั้งข้อหาที่ทำให้พวกเขาได้รับโทษประหารชีวิตด้วย
นอกเหนือจากคดีของเชคารี กลุ่มสิทธิหลายกลุ่มยังกล่าวว่า รัฐบาลอิหร่านตัดสินโทษและกำลัง “เตรียมประหารชีวิต” ชาวอิหร่านอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งนักโทษประหารจำนวนมาก ต่างตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งหมด เพราะพวกเขาถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงทนายความในระหว่างการสอบสวน, การดำเนินคดี และการพิจารณาคดีที่เป็นไปอย่างเร่งรีบในบางครั้ง
“การประหารชีวิตผู้ประท้วงสามารถป้องกันได้ด้วยการเพิ่มต้นทุนทางการเมืองสำหรับอิหร่านเท่านั้น” นายมาห์มูด อมิรี โมกัดดัม ผู้อำนวยการองค์การสิทธิมนุษยชนอิหร่าน กล่าวและเรียกร้องให้นานาชาติตอบโต้ “มากกว่าที่เคยทำ”
ด้านนักเคลื่อนไหวหลายคน ต้องการการตอบสนองจากต่างชาติมากขึ้นเช่นกัน จนถึงขั้นตัดสัมพันธ์กับอิหร่าน และขับไล่ทูตของรัฐบาลเตหะรานออกจากเมืองหลวงหลายแห่งในยุโรป
ทั้งนี้ ภายหลังนานาประเทศแสดงความไม่พอใจต่อการประหารชีวิตเชคารี รัฐบาลอิหร่านกล่าวว่า พวกเขาใช้ความอดกลั้น ทั้งการตอบโต้ด้วยกองกำลังความมั่นคง และ “ความเหมาะสม” ของกระบวนการยุติธรรม.
เครดิตภาพ : REUTERS