สืบเนื่องจากเหตุนักท่องเที่ยวหญิงชาวอเมริกันอายุ 60 ปี ซึ่งไม่เปิดเผยนาม ได้หายตัวไปในวันที่ 8 ธ.ค. 65 ในระหว่างที่เธอและสามีกำลังดำน้ำเล่นในเขตน้ำตื้นที่บริเวณหาดคีวาคาปู เกาะมาอูอิ รัฐฮาวาย ตามรายงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของฮาวาย ล่าสุดยังหาตัวผู้สูญหายไม่พบ แต่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว 

แม้จะยังหาศพของเธอไม่พบ แต่เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนกรณีดังกล่าวก็สรุปได้ว่า หญิงผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตเนื่องจากโดนฉลามทำร้ายและคาดว่าได้กลายเป็นอาหารของฉลามร้ายไปเรียบร้อยแล้ว 

ก่อนหน้าสามีของนักท่องเที่ยวหญิงผู้ตกเป็นเหยื่อได้ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ว่า เขาเผชิญหน้ากับ “ฉลามที่ดุร้าย” ตัวหนึ่งในระหว่างที่กำลังว่ายน้ำในระยะห่างจากชายหาดราว 50 ฟุต หรือประมาณ 15 เมตร เขาให้การว่า ตนเองและภรรยาดำน้ำกันคนละที่ และเขามองเห็นเธอเป็นครั้งคราวในระหว่างทำกิจกรรมเท่านั้น

สามีของหญิงผู้เคราะห์ร้ายเล่าว่า ฉลามตัวที่เขาพบเริ่มว่ายวนเป็นวงรอบ ๆ ตัวเขา ทำให้เขารีบโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำและมองหาภรรยาไปรอบ ๆ บริเวณ จากนั้นก็มองเห็นฉลามจากระยะไกลและสังเกตเห็น “บางอย่างที่เป็นสีแดงรอบ ๆ ปากฉลาม” ขณะเดียวกัน คนบนชายหาดก็เริ่มตะโกนบอกให้เขาขึ้นจากน้ำ เพราะมีฉลามกำลังกินเหยื่ออยู่ในละแวกนั้น

พยานที่เห็นเหตุการณ์จากชายหาดรายหนึ่งเล่าว่า เขามองเห็นฉลามตัวใหญ่กำลังกินเหยื่ออยู่ในน้ำ และพยายามเตือนสองสามีภรรยาตอนที่เขาเห็นว่า ฉลามกำลังอ้าปากไล่กินเหยื่ออยู่กลางวงสีแดงในน้ำ และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็โทรฯ แจ้งเหตุฉุกเฉิน 

เจ้าหน้าที่ได้สรุปเหตุการณ์และชะตากรรมของหญิงผู้เคราะห์ร้ายว่าเป็น “อุบัติเหตุที่น่าสลดใจ” หลังจากที่หน่วยกู้ภัยที่ได้รับแจ้งเหตุ พยายามค้นหาตัวหญิงนักท่องเที่ยว โดยใช้ทั้งเรือและเฮลิคอปเตอร์มองหาจากมุมเหนือทะเล ตีวงค้นหาในระยะพื้นที่ราว 306 ไมล์ (492 กม.) และค้นหาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 40 ชม. จนกระทั่งในวันที่ 9 ธ.ค. 2565 ทีมเจ้าหน้าที่ก็สังเกตเห็นฉลาม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฉลามเสือขนาดตัวราว 10-12 ฟุต (3-4.5 เมตร) ว่ายอยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบร่างของหญิงสูงวัยที่สูญหายแต่อย่างใด

แหล่งข่าว : nypost.com, foxnews.com

เครดิตภาพ : YouTube / WKYC Channel 3