เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน คุมตัว นายสมประสงค์ ทิพย์สุคนธ์ อายุ 56 ปี, น.ส.กัญญามาส ทองปาน อายุ27 ปี, นายณัฐนันท์ อังคณาวิทยากุล อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-3 กระทำผิดฐาน ร่วมกันกระทำด้วยประการใดให้ผู้ที่ถูกคุมขังตาม อำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หลุดพ้นจากการคุมขังไป มาฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 23 ธ.ค.65- 3 ม.ค.66 เนื่องจาก ต้องสอบพยานอีก 3 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ต่างๆ
พฤติการณ์แห่งคดีคือ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. มีเหตุ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในคดีอาญา อ.1837/2564 หลบหนีออกจากห้องพิจารณาคดีที่ ชั้น9 อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล ขณะที่จำเลยขออนุญาตเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ ชั้นเดียวกับห้องพิจารณา ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ร่วมกันทำการจับกุมตัวไว้ได้ โดยผู้บริหารศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลอาญา, เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า กรณีดังกล่าวน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการในการหลบหนีของจำเลยในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลได้เชิญตัวบุคคลซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง จํานวน 3 คน คือ นายสมประสงค์ น.ส.กัญญามาส และนายณัฐนันท์ มาซักถามยังห้องที่ทำการศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน จึงได้ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ศาลอาญาในการทำการสืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมประกอบในการดำเนินการตามกฎหมายโดยได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของศาลอาญา (เริ่มจากเวลาตามกล้อง 09.36น.)
พบภาพนายสมประสงค์ ทิพย์สุคนธ์ เดินออกมาจากลิฟท์บริเวณชั้น 2 ของศาลอาญา แล้วเดินไปอยู่ที่บริเวณหน้ามุขของศาลอาญาแล้วจึงเดินกลับเข้ามาที่บริเวณทางเข้า หน้ามุขศาลอาญาโดยในมือได้ถือถุงผ้าสีม่วงลายจุดสีขาว จากนั้นถือถุงผ้าฯ เข้าไปในลิฟท์จากชั้น 2 ก่อนที่จะเดินออกมา จากลิฟท์ที่ชั้น 9 พร้อมกับถือถุงผ้าในลักษณะเดียวกัน ต่อมากล้องวงจรปิดบริเวณชั้น 9 (เวลาตามกล้อง 10.05 น.) ซึ่งสามารถบันทึกภาพของนายประสิทธิ์ จำเลยที่ขณะนั้นอยู่พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ราชทัณฑ์ซึ่งเชื่อว่าน่าจะกำลังเดินไปที่บริเวณห้องน้ำต่อมาภาพจากกล้องวงจรปิดชั้น 3 (เวลาตามกล้อง 10.05น.) พบภาพนายประสิทธิ์ฯ ในลักษณะที่มีการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและไม่มีเครื่องพันธนาการวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่มาและถูกเจ้าหน้าที่ศาล, เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวไว้ได้ที่บริเวณชั้น 3 นี้
ต่อมาฝ่ายสืบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ศาลได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายใน ห้องพิจารณาคดี ห้อง 903 ซึ่งเป็นห้องที่พิจารณาคดีของนายประสิทธิ์ฯ (เวลาตามกล้อง 09.48 น.) ปรากฏภาพขณะที่น.ส.กัญญามาส ยื่นแฟ้มสำนวนเอกสารให้กับนายประสิทธิ์ฯ และนายประสิทธิ์ฯ ได้เปิดแฟ้มสำนวนเอกสาร พร้อมกับหยิบวัตถุบางอย่างสีขาวใส่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้เชิญตัวบุคคลทั้ง 3 ราย มาที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน โดยนายสมประสงค์ ได้ทำการบันทึกให้ถ้อยคำเขียนด้วยลายมือสรุปได้ว่า ตนได้มาที่ศาลอาญา เพื่อพบกับนายประสิทธิ์ ตามที่นายประสิทธิ์ฯ ได้นัดหมายกับตน โดยตนก็เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนที่เสียหาย แต่ไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ ด้วยนายประสิทธิ์ฯ แจ้งว่ามีข่าวดีจะบอก ตนจึงมารอที่ศาลแต่เช้าและพบกับ นายประสิทธิ์ฯ แล้วมีโอกาสได้พูดคุยกัน
โดยนายประสิทธิ์ฯ ได้ขอให้ตนช่วยหาเสื้อผ้าให้ เพื่อจะนำมาเปลี่ยนให้เพื่อนที่จะได้รับการประกันตัว ตนจึงได้ไปเอาเสื้อผ้าของตนที่อยู่ในรถยนต์ส่วนตัวมาให้ เมื่อตนถือถุงเสื้อผ้ามาถึงห้องพิจารณาดังกล่าวขณะที่กำลังเดินเข้าไปในห้อง ได้มี น.ส.นิว (น.ส.วนัสนันท์ คาดิวี่ แซนด์ หรือ นิว ) เดินมุ่งมาหาที่ตนพร้อมบอกว่าให้นำถุงผ้าไปรอที่ห้องน้ำ เดี๋ยวนายประสิทธิ์ฯ จะตามเข้าไปเอา ตนจึงไปรอตามที่ น.ส.นิวฯ บอก จากนั้นไม่นาน นายประสิทธิ์ฯ ก็ตามเข้าไปในห้องน้ำและบอกให้ตนเข้าไปในห้องน้ำที่ติดกัน โดยนายประสิทธิ์ฯ ได้ยื่นมือลอดช่องด้านล่างเพื่อ มาเอาถุงผ้ากับตน ตนก็นั่งรอนึกว่านายประสิทธิ์ฯ จะแจ้งข่าวดีกับตน จนนายประสิทธิ์ฯ ยื่นถุงผ้าคืนมา เมื่อเปิดดูก็เห็นกุญแจ กับรองเท้าผู้ต้องหา จึงตกใจเลยรีบออกมาจากห้องน้ำไปพบ รปภ. เลยรีบแจ้งว่าผู้ต้องหาหนีไปแล้ว และตนก็เลยนั่งรอให้ ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ด้าน น.ส.กัญญามาส ได้ให้ถ้อยคำสรุปได้ว่าเวลาประมาณ 07.00 น. มาที่ศาลอาญาตามปกติของการสืบคดี เมื่อมาถึงพบนายประสิทธิ์ฯ ตนจึงได้บอกนายประสิทธิ์ฯ ว่าไม่สามารถสลับกระเป๋าตามที่นายประสิทธิ์ฯ สั่งการไว้ และเมื่อนายประสิทธิ์ฯ ถามหาเงินที่ให้ที่ตนเตรียมไว้โดยให้หยิบใส่กระดาษ ต่อมาได้นายประสิทธิ์ฯ ได้เดินออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ และตนได้เดินตามออกมาถึงได้ทราบว่า นายประสิทธิ์ฯ ได้วิ่งหลบหนี และถูกควบคุมตัวไว้ได้ ต่อมาพร้อมด้วย นายณัฐนันท์ฯ ได้นำพาเจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจยึด ที่ฝากสิ่งของ ย่านจุฬา 12 ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้นายประสิทธิ์ฯ เมื่อหลบหนีไปได้
สำหรับ นายณัฐนันท์ ได้ให้ถ้อยคำสรุปได้ว่าเวลาประมาณ 16.50 น. ได้เดินทางมาถึงศาลอาญาได้นำกระเป๋าที่บรรจุรองเท้าของข้าพเจ้า 3 คู่ไปสับเปลี่ยนที่ตู้ล็อกเกอร์รับฝากของที่รับฝากของ เมื่อไปถึงได้สลับกระเป๋าด้านในไม่ทราบว่าบรรจุอะไร หลังจากนั้นได้กลับมาที่ศาลอาญา ขึ้นไปยังชั้น 9 เห็นนายประสิทธิ์ฯ มีพฤติกรรมแปลกๆ ถึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้จับตาดู นายประสิทธิ์ฯ ให้ดี ต่อมาเห็น นายประสิทธิ์ฯ วิ่งหลบหนีลงบันไดตนจึงได้วิ่งตามเพื่อช่วยจับกุมตัวเมื่อมาถึงชั้น 3 พบเจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ควบคุมตัว นายประสิทธิ์ไว้ได้แล้ว
บันทึกการตรวจยึดโทรศัพท์ ของบุคคลทั้ง 3 จากความยินยอม (3เครื่อง) บันทึกสมัครใจให้เข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ของบุคคลทั้ง 3 จากความยินยอม
อนึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้รับมอบวัตถุพยานซึ่งเป็นเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว 11 รายการ จากเจ้าหน้าที่ศาลอาญาซึ่งตรวจยึดได้ที่ตัวนายประสิทธิ์ ขณะถูกจับกุมตัวซึ่งจำเลยได้สวมใส่และพกพา ขณะหลบหนี อีกส่วนหนึ่งได้จากการที่ นายสมประสงค์นำไปมอบให้เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์
เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการจับกุมตรวจยึดคือ นายวศิน บุญสนอง เจ้าหน้าที่ ราชทัณฑ์ ส่วนอีก 3 ราย คือ ร.ต.อ.ตฤณ รัตนแก้ว, ว่าที่ ร.ต.อ.ณัฐกร จันทร์งาม, จ.ส.อ.ประพันธ์ สุทธหลวง, ส.ต.อ.บัณฑิต ปราทะกา เป็นเจ้าพนักงานตำรวจศาลอาญา
ประเด็นที่น่าสนใจจากการรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณี นายประสิทธิ์ หลบหนีจาก การควบคุมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ขณะพิจารณาคดี มีนายสมประสงค์ เป็นผู้ส่งมอบเสื้อผ้าให้ (ข้อมูลภาพจากกล้อง และบันทึกให้ถ้อยคำ) 2.น.ส.กัญญามาส เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของเงินที่พบยึดได้จากตัวนายประสิทธิ์ ขณะหลบหนีถูกจับกุม (ข้อมูลภาพจากกล้อง) 3.ดอกกุญแจที่ใช้สำหรับไขกุญแจที่สวมใส่นายประสิทธิ์ ยังไม่ทราบว่าได้มาจากที่ใด ใครเป็นคนมอบให้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และจัดทำบันทึกเอกสารที่เกี่ยวข้องต่างๆ ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปส่วนจะมีผู้ร่วมขบวนการในการหลบหนีของ นายประสิทธิ์ฯ นี้อีกหรือไม่อย่างไรจะได้ทำการสืบสวนรวมรวมพยานหลักฐานต่อไป
ต่อมานายวศิน บุญสนอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กำกับดูแลเจ้าหน้าที่ เรือนจำประจำศาลอาญาได้ไปรับตัวผู้ต้องขังห้องพิจารณาคดีห้อง 901 ระหว่างนั้นนายสุวรรณ โคตรพัฒน์ ได้โทรศัพท์ ติดต่อนายวศินฯ แต่นายวศินฯ ไม่ได้รับเพราะอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในห้องพิจารณา ต่อมาเวลาประมาณ 10.15น. นายวศินฯ ได้เสร็จจากการพิจารณาคดีในห้อง 901 นายวศินฯ จึงโทรศัพท์หานายสุวรรณฯ แล้วได้รับแจ้งว่า นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ได้หลบหนีระหว่างที่ควบคุมแต่ขณะนี้สามารถจับตัวได้แล้วกำลังนำตัวมาที่ห้องควบคุมประจำ ศาลอาญา นายวศินฯ จึงได้เดินทางไปดู นายสุวรรณฯ แจ้งว่านายประสิทธิ์ฯ ได้หลบหนีและตกลงมาจากบันได ชั้น 4 มาที่ บริเวณชั้น 3 จนได้รับบาดเจ็บ
สอบถามจากนายสุวรรณฯ ได้ความว่าเมื่อวันที่22 ธ.ค.65 เวลาประมาณ 09.30น. นายสุวรรณฯ ได้เบิกตัวนายประสิทธิ์ฯ ไปยังห้องพิจารณาคดี ห้อง 903 เพื่อทำการพิจารณาคดี ต่อมาเวลาประมาณ 09.50น. ระหว่างที่อยู่ในห้องพิจารณานั้นนายประสิทธิ์ฯ ได้ขอเข้าห้องน้ำ นายสุวรรณฯ จึงได้พาเดินทางมา โดยที่ขาทั้งสองข้างของนายประสิทธิ์ฯ ได้ใส่กุญแจมือที่ขาไว้ เมื่อถึงห้องน้ำ นายสุวรรณฯ ได้ให้นายประสิทธิ์ฯ เข้าไปในห้อง ส่วนขับถ่ายภายในห้องน้ำ โดยนายสุวรรณฯ ยืนรออยู่ภายในบริเวณห้องน้ำ ซึ่งนายสุวรรณฯ ไม่เห็นว่านายประสิทธิ์ฯ เข้าห้องน้ำที่ห้องใด นายสุวรรณฯ จึงเฝ้าอยู่
ต่อมาเวลาประมาณ 10.00น. นายสุวรรณฯ สังเกตุเห็นมีคนเดินออกมาโดย สวมเสื้อสีฟ้า สวมกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าหนังสีน้ำตาล โดยไม่ได้ใส่ชุดเรือนจำ ใส่หน้ากากอนามัย แต่นายสุวรรณฯ จำได้ว่า คือ นายประสิทธิ์ฯ จึงเรียกให้หยุด แต่นายประสิทธิ์ฯ ไม่หยุดกลับวิ่งหลบหนี นายสุวรรณฯ จึงวิ่งไล่ติดตามลงมาจนถึงบริเวณ ชั้น 3 ซึ่งนายประสิทธิ์ฯ ตกลงมาถูกราวบันไดจนได้รับบาดเจ็บ นายสุวรรณฯ จึงได้จับกุมตัวไว้ได้ หลังจากนั้นนายสุวรรณฯ จึงได้แจ้งเหตุการณ์ให้นายวศินฯ ได้ทราบเหตุการณ์
เหตุเกิดที่ บริเวณห้องน้ำชายชั้น 9 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาที่ 1-3 ว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา 134 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 191 วรรคแรก
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิจารณาคำร้องฝากขังแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้วผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ได้ยื่นคำร้องพร้อมเงินสดคนละ 25,000 บาทขอปล่อยชั่วคราวซึ่งศาลพิเคราะห์ความหนักเบา แห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าผู้ต้องหาที่ 2-3 ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกระทำความผิดที่ทีลักษณะขบวนการ และอุกอาจ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าหากอนุญาตผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี จึงให้ยกคำร้อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป .