เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะบุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ถึงกรณีนายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ยุบพรรค พท. เหตุที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณผู้เป็นบิดาที่ฮ่องกง โดยกล่าวหาว่าเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมืองมาตรา 44, 45, 28, 29 มีโทษตามมาตรา92 (3) (4 ) ว่า “ลูกสาวไปเยี่ยม หรือโพสต์ภาพลงโซเชียลคู่กับพ่อ ไม่มีใครบ้องตื้นคิดว่าเป็นการผิดศีลธรรม หรือก่อกวนความสงบเรียบร้อย ของประชาชนหรอกครับ ถ้าจะมองว่าผิด หรือก่อกวนอย่างที่กล่าวอ้าง พวกสุนัขรับใช้ ที่คอยตามชเลียร์ท็อปบูทให้เผด็จการฯ น่าจะผิดชัดเจนกว่าเยอะ” https://twitter.com/oak_ptt/status/1607957960013287425?s=53&t=hNJXbT79MmuFjM4BpxkOsQ

ทางด้าน นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ตนยังไม่เห็นคำร้องของนายสนธิญา แต่หากดูประเด็นจากสื่อเห็นว่าไม่มีมูลอันจะเป็นความผิดได้ตามที่กล่าวอ้าง ไม่มีข้อเท็จจริง ไร้แก่นสารสาระ ไม่มีพยานหลักฐานและพฤติการณ์ใดๆ ที่จะชี้ว่าเป็นความผิด แต่เป็นการใช้จินตนาการหาเหตุยื่นยุบพรรคโดยมิชอบมากกว่า ตนเชื่อว่าเรื่องนี้ กกต. คงไม่เห็นพ้องด้วย พรรคเพื่อไทยไม่ได้หวั่นไหวต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะพรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ระเบียบและกฎหมายทุกประการ และไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวอ้าง นายสนธิญาไม่ควรทำตัวเป็นสิ่งน่ารำคาญทางการเมือง

การกระทำดังกล่าวของนายสนธิญา น่าจะเข้าข่ายเป็นการกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองต่อ กกต. โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และหากมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่า พรรคการเมืองใดมีส่วนรู้เห็น ก็จะมีโทษเป็นสองเท่า โดย กกต. มีอำนาจสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคนั้นได้ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 101 ซึ่ง กกต. ต้องจัดการตามอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย จะเข้ายื่น กกต. ให้ตรวจสอบการกระทำของนายสนธิญาในวันพรุ่งนี้ (29 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต.

นายชุมสาย กล่าวอีกว่า การเดินทางไปพบนายทักษิณของ น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เป็นการกระทำผิดใดๆ เพราะถือเป็นเรื่องปกติของปุถุชนที่จะได้ไปพบปะเยี่ยมเยียนคนในครอบครัว นายทักษิณ ไม่ได้ครอบงำและไม่ผิดตามมาตรา 28, 29 ตามที่นายสนธิญากล่าวหา จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายสนธิญาจึงร้อง กกต. ในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดี ถึงแม้นายสนธิญาหรือฝ่ายตรงข้าม จะมีความพยายามโจมตี น.ส.แพทองธาร หรือพรรค พท. อย่างไร ก็ไม่อาจทำลายความเชื่อมั่นศรัทธาที่พี่น้องประชาชนมีต่อพรรค พท. รวมถึงความนิยมที่พี่น้องประชาชนมีต่อ น.ส.แพทองธารได้ ยิ่งมีผู้โจมตีใส่ร้ายเท่าไร จะยิ่งเพิ่มคะแนนความนิยมให้กับพรรคมากขึ้นเท่านั้น เพราะมีผู้ที่จงใจใส่ร้ายทางการเมือง ทั้งที่พรรคไม่ได้กระทำการใดๆ

“เรื่องที่นายสนธิญาร้องเรียน ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องการโจมตีใส่ร้าย มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองหรือไม่ เพราะนายสนธิญามีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี หรือนายแรมโบ้ ที่ยกย่องเชิดชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สุดหัวใจ หากนายสนธิญา อยากทำงานการเมือง ก็ควรมุ่งหน้าทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน ดีกว่าใช้เวลาไปกับการร้องเรียนไปเรื่อยๆ แบบนี้ ระวังการกระทำนี้จะนำโทษทางอาญากับผู้ร้อง” นายชุมสาย กล่าว.