เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.น. แถลงความคืบหน้าคดีผับจินหลิง หลังเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง

เขย่าเก้าอี้นายกฯ! ‘ชูวิทย์’ จัดหนักลั่นไม่ปลด ‘บิ๊กจ้าว’ เจอข้อมูล ‘ตู้ห่าว’ โชว์บิลบอร์ดจีน

พล.ต.ท.ธิติ เปิดเผยว่า หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจชุดสอบสวนของนครบาลทำคดีนี้ล่าช้า มีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหานั้น ไม่เป็นความจริง ขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส และละเอียดรอบคอบที่สุดแล้ว เนื่องจากคดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.65 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นผับจิ้นหลิง และจับกุมนักท่องเที่ยวชาวจีน 200 กว่าราย และทำการรวบรวมของกลาง พยานหลักฐานไว้ทั้งหมด ในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนั้นยังดำเนินคดีได้เพียงข้อหา จำหน่วยและเสพยาเสพติดในสถานบันเทิง กับนักท่องเที่ยวที่ตรวจพบสารสีม่วง รวมถึงเจ้าของผับ ซึ่งศาลออกหมายจับ และนำมาสู่การจับกุมนาย ‘ตู้ห่าว’ ในวันที่ 23 พ.ย.65

ขณะเดียวกันทางคณะทำงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ได้มีคำสั่งอายัดของกลางคืออาคารจินหลิง และรถยนต์ในที่เกิดเหตุไว้ในอำนาจของ ป.ป.ส. ดังนั้น การจะเข้าตรวจสอบอาคาร รอบสองจึงเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานที่ผ่านมา รวมถึงการเปิดรถยนต์คงค้างที่ไม่สามารถเปิดได้ก่อนหน้านี้ โดยสาเหตุหลักของการเข้าตรวจค้นรอบสองเนื่องจากตำรวจหรือพนักงานสอบสวนของนครบาลไม่สามารถดำเนินการได้แต่เพียวผู้เดียวอีกต่อไป แต่ต้องรอให้หน่วยงานผู้อายัด ได้แก่ ป.ป.ส.พร้อมร่วมตรวจสอบ จึงจะดำเนินการได้ เช่นเดียวกับรถยนต์ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับผับจินหลิงที่ ป.ป.ส.อายัดไว้ และเพิ่งเปิดได้เมื่อวาน

ส่วนการตรวจค้นอาคารจินหลิง อาคารลีลา พบว่ามีอุปกรณ์การเล่นพนัน ก็ไม่เป็นเรื่องแปลกเนื่องจากทางนครบาลเชื่อมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วก่อนเข้าตรวจค้น ว่าอาคารดังกล่าวมีการเปิดให้มีการลักลอบเล่นการพนัน และมั่วสุมเสพยาเสพติด โดยมีลักษณะแบบสถานบันเทิง เมื่อการตรวจค้นครั้งแรกไม่เจออุปกรณ์การเล่นการพนัน เพราะมีการซุกซ่อนเป็นอย่างดี ไม่ได้มีการจัดวางอย่างโจ่งแจ้ง

ส่วนกรณีอาคารวิบวับ คาร์วอช วันที่ 26 ต.ค.65 ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้เนื่องจาก ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ ประกอบกับประตูล็อกด้วยรหัสผ่าน เจ้าหน้าที่จึงไม่สามาถรเข้าดำเนินการได้ แต่ตำรวจเชื่อว่ามีสิ่งผิดกฎหมายจึงขออำนาจศาลอออกหมายค้นครั้งที่ 2 ซึ่งศาลให้ตรวจค้นในวันที่ 1 พ.ย.65 เพียง 1 ชั่วโมง คือ 17.00-18.00 น. การตรวจค้นพบว่า มียาเสพติดและอาวุธปืน จึงรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง นำมาจัดเก็บและทำการบันทึก ออกเลขคดี แต่ตามที่กล่าวในข้างต้นว่าอาคารดังกล่าวไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของจึงทำให้พนักงานอสอบสวนต้องถอดเทปวิดีโอวงจรปิดเพื่อหาความเชื่อมโยงและหาตัวบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของผู้ใช้สถานที่ดังกล่าว และแน่นอนว่าการถอดเทปต้องใช้เวลานานข้ามวัน แต่ในที่สุดก็พบว่าเจ้าของอาคารและผู้ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกับผับจินหลิง จึงดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ได้เข้าไปเพิ่มในสำนวน

ผบช.น. ยืนยันว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน ดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบที่สุด การจะแจ้งข้อหาใครไม่สามารถทำได้ โดยไร้ความชัดเจนและหากจะช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ทำลายหลักฐานไปตั้งแต่แรกจะดีกว่า ไม่ใช่การนำหลักฐานเข้าเพิ่มเติมอย่างที่พนักงานสอบสวนทำอยู่ อยากให้สังคมติดตามคดีนี้ อย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะในวันสรุปสำนวนของอัยการ ซึ่งคนที่จะให้คำตอบกับสังคมได้ดีที่สุดว่า พยานหลักฐานที่รวบรวมไว้นั้นน้อยหรืออ่อน หรือสมบูรณ์ ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ผบช.น.ขอร้องว่าใครก็ตามที่ติดตามคดีนี้อย่านำคดีหลงจู๊สมชายมาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพราะคดีหลงจู๊สมชาย เกิดขึ้นที่พื้นที่ภูธรภาค 2 จริงแต่มีการสรุปและโอนสำนวนให้กองปราบปรามดำเนินการ ก่อนที่ตนจะไปดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จึงไม่เกี่ยวข้องกับตน แต่ตนทำได้เพียวแค่ติดตามความคืบหน้าของคดีนี้เท่านั้น.